เจ้าของแบรนด์มือใหม่ที่อยากยกระดับการให้บริการจะเลือกระบบ Customer Relationship Management CRM ให้เหมาะสมได้อย่างไร? Connect X จะมาบอกให้รู้เอง!
การให้บริการและการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจยุคนี้เพื่อให้ “อยู่รอด” เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันล้วนต้องการการบริการที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งนั้น หากแบรนด์ไหนที่ไม่สามารถให้บริการได้ดีเท่าที่ลูกค้าคาดหวัง ก็อาจจะต้องยุติธุรกิจลงเลยก็เป็นได้
ในการบริหารความสัมพันธ์และให้บริการลูกค้านั้น แบรนด์จำเป็นต้องมีการ “จัดเก็บ” ข้อมูลและการ “จัดการ” ที่เหมาะสม ระบบ Customer Relationship Management (CRM) และกระบวนการ CRM จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหาร จัดการข้อมูลลูกค้า และยกระดับการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คำถามสำคัญคือเลือกระบบ CRM อย่างไร? ในบทความนี้ Connect X จะมาบอก 5 วิธีเลือกระบบ CRM ให้เจ้าของธุรกิจมือใหม่ได้ทราบกัน
5 วิธีเลือกระบบ Customer Relationship Management
หนึ่งในปัญหาหลักๆ ของแบรนด์เมื่อนำระบบ CRM เข้ามาใช้ในธุรกิจคือ พบว่าระบบไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่เท่าที่คิด ทั้งๆ ที่ลงทุนไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมา เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจทุกคนคงไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นการคัดเลือกระบบ Customer Relationship Management จึงเป็นขั้นตอนที่มองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด
1. เริ่มจากคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ
ก่อนจะเลือกระบบ CRM คุณควรเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ตัวเองว่า “เราเป็นใคร” และ “เราต้องการอะไร” เพราะแต่ละธุรกิจมีบริบทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระบบ CRM ที่เหมาะกับร้านอาหารอาจไม่ตอบโจทย์ธุรกิจขายของออนไลน์ หรือบริการ B2B ขนาดใหญ่ก็อาจต้องการฟีเจอร์ที่ซับซ้อนกว่าร้านค้า B2C ขนาดเล็ก ดังนั้นคำถามที่ควรถามตัวเองก่อนมีดังนี้:
- ธุรกิจของเราเป็น B2B หรือ B2C?
- ทีมขายของเราทำงานผ่านช่องทางไหนบ้าง เช่น LINE OA, โทรศัพท์, อีเมล หรือหน้าร้าน?
- มีทีมขายกี่คน และมีความสามารถด้านเทคโนโลยีแค่ไหน?
- ข้อมูลลูกค้าแบบใดที่เราจำเป็นต้องเก็บ เช่น ประวัติการซื้อ ความสนใจ หรือพฤติกรรมการใช้งาน?
- กระบวนการขายของเรามีกี่ขั้นตอน และใครเป็นผู้เกี่ยวข้องบ้าง?
คำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าระบบ CRM แบบไหนควรเลือก เช่น หากทีมงานยังไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อาจต้องเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย และมีการเทรนนิ่งชัดเจนอย่าง Connect X CRM
2. ลิสต์ความต้องการจากระบบ Customer Relationship Management CRM
หลังจากเข้าใจธุรกิจของตัวเองแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเขียนรายการความต้องการจากระบบ CRM ให้ชัดเจนที่สุด เพราะ CRM ในตลาดมีมากมายหลากหลายเจ้า บางระบบเด่นด้านการเก็บข้อมูล บางระบบเด่นด้านการวิเคราะห์ หรือบางระบบออกแบบมาเพื่อการตลาดโดยเฉพาะ การมีลิสต์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณกรองตัวเลือกได้ง่ายขึ้น เช่น
- ต้องการให้เชื่อมกับ Facebook, LINE OA, Shopee หรือระบบ POS ได้หรือไม่?
- ระบบต้องมีแดชบอร์ดแบบ Real-Time หรือไม่?
- ต้องการระบบ Marketing Automation ที่ส่งอีเมลหรือข้อความอัตโนมัติตามพฤติกรรมลูกค้าหรือเปล่า?
- อยากให้มีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าไหม?
- ระบบต้องรองรับทีมงานหลายคนพร้อมกันหรือเปล่า?
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่ตกหลุมพรางของ CRM ที่มีฟีเจอร์มากเกินไปแต่ไม่จำเป็นต่อธุรกิจ และยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้ด้วย
3. ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
ความง่ายในการใช้งานเป็นหัวใจของระบบ CRM ที่ดี เพราะต่อให้ระบบจะมีความสามารถมากมายขนาดไหน ถ้าใช้งานจริงแล้วพนักงานสับสน ใช้ไม่เป็น หรือเสียเวลาในการอบรมมากเกินไป ก็จะกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ควรพิจารณาดังนี้:
- ระบบมีอินเทอร์เฟซเป็นมิตรต่อผู้ใช้ (User Friendly) หรือไม่?
- มีภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่ทีมงานเข้าใจได้ง่ายไหม?
- รองรับการใช้งานผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตหรือไม่?
- สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้ไหม เช่น เชื่อมกับอีเมลอัตโนมัติ หรือ LINE OA แบบไม่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มไปมา?
Connect X CRM ถูกออกแบบมาให้คนไทยใช้งานได้ง่าย มีการแสดงข้อมูลที่เข้าใจได้ทันที ลดเวลาในการเทรนนิ่ง และช่วยให้ทีมงานโฟกัสกับการดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มที่
4. ทดลองใช้หรือขอ DEMO จากผู้ให้บริการ
อีกหนึ่งข้อที่ห้ามมองข้ามคือ “การทดลองใช้ระบบจริง” หรืออย่างน้อยก็ขอให้ผู้ให้บริการจัด Demo ให้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของระบบก่อน ว่าฟีเจอร์ต่างๆ ทำงานอย่างไร และตรงกับความต้องการของทีมงานหรือไม่ บางระบบเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน หรือ 30 วัน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะให้ทีมทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจจริง
หากเป็นระบบที่ไม่ได้เปิดให้ทดลองใช้งานทันที คุณสามารถติดต่อทีมขายเพื่อขอ Demo หรือจัดประชุมอธิบายการใช้งาน ซึ่ง Connect X มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมนำเสนอและแนะนำระบบแบบเจาะลึกให้เข้าใจง่ายที่สุด
5. การบริการหลังการขายก็สำคัญไม่แพ้ระบบ
ถึงแม้ว่าระบบจะดีเพียงใด แต่ถ้าคุณไม่มีทีมสนับสนุนที่ไว้ใจได้ การใช้งานในระยะยาวก็อาจติดขัดได้ตลอดเวลา ผู้ให้บริการที่ดีควรมีศูนย์ช่วยเหลือลูกค้า (Customer Support) ที่เข้าถึงได้ง่าย มีช่องทางติดต่อหลากหลาย เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือแชตไลฟ์ และมีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาเดียวกับคุณ พร้อมแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่า มีการจัดเทรนนิ่งเบื้องต้นให้หรือไม่? มีคู่มือหรือวิดีโอการใช้งานหรือเปล่า? และมีทีม Customer Success ที่ติดตามการใช้งานหลังจากติดตั้งหรือไม่? Connect X CRM มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดปัญหาเมื่อไร ก็จะมีคนช่วยเหลืออยู่เสมอ
Connect X ขอแนะนำว่า หลังจากตัดสินใจเลือกระบบได้แล้ว ควรวางแผนวันติดตั้งอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่านระบบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานประจำวันของทีมขายหรือทีมบริการลูกค้า จากนั้นควรเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้พร้อมล่วงหน้า เช่น รายชื่อลูกค้า รายการสินค้า หรือข้อมูลการติดต่อสำคัญ เพื่อนำเข้าสู่ระบบใหม่ได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบระเบียบ
นอกจากนี้ อย่าลืมจัดการอบรมหรือเวิร์กชอปให้กับทีมงาน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจวิธีใช้งานระบบ ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลลูกค้า การติดตามสถานะการขาย ไปจนถึงการใช้ฟีเจอร์การวิเคราะห์หรือระบบอัตโนมัติต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการเตรียมความพร้อมของทีม คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การใช้งาน CRM เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุด และยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการขายและการดูแลลูกค้าในระยะยาว
ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !
*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

2. ลิสต์ความต้องการจากระบบ Customer Relationship Management CRM
หลังจากเข้าใจธุรกิจของตัวเองแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเขียนรายการความต้องการจากระบบ CRM ให้ชัดเจนที่สุด เพราะ CRM ในตลาดมีมากมายหลากหลายเจ้า บางระบบเด่นด้านการเก็บข้อมูล บางระบบเด่นด้านการวิเคราะห์ หรือบางระบบออกแบบมาเพื่อการตลาดโดยเฉพาะ การมีลิสต์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณกรองตัวเลือกได้ง่ายขึ้น เช่น
- ต้องการให้เชื่อมกับ Facebook, LINE OA, Shopee หรือระบบ POS ได้หรือไม่?
- ระบบต้องมีแดชบอร์ดแบบ Real-Time หรือไม่?
- ต้องการระบบ Marketing Automation ที่ส่งอีเมลหรือข้อความอัตโนมัติตามพฤติกรรมลูกค้าหรือเปล่า?
- อยากให้มีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าไหม?
- ระบบต้องรองรับทีมงานหลายคนพร้อมกันหรือเปล่า?
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่ตกหลุมพรางของ CRM ที่มีฟีเจอร์มากเกินไปแต่ไม่จำเป็นต่อธุรกิจ และยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้ด้วย
3. ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
ความง่ายในการใช้งานเป็นหัวใจของระบบ CRM ที่ดี เพราะต่อให้ระบบจะมีความสามารถมากมายขนาดไหน ถ้าใช้งานจริงแล้วพนักงานสับสน ใช้ไม่เป็น หรือเสียเวลาในการอบรมมากเกินไป ก็จะกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ควรพิจารณาดังนี้:
- ระบบมีอินเทอร์เฟซเป็นมิตรต่อผู้ใช้ (User Friendly) หรือไม่?
- มีภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่ทีมงานเข้าใจได้ง่ายไหม?
- รองรับการใช้งานผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตหรือไม่?
- สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้ไหม เช่น เชื่อมกับอีเมลอัตโนมัติ หรือ LINE OA แบบไม่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มไปมา?
Connect X CRM ถูกออกแบบมาให้คนไทยใช้งานได้ง่าย มีการแสดงข้อมูลที่เข้าใจได้ทันที ลดเวลาในการเทรนนิ่ง และช่วยให้ทีมงานโฟกัสกับการดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มที่
4. ทดลองใช้หรือขอ DEMO จากผู้ให้บริการ
อีกหนึ่งข้อที่ห้ามมองข้ามคือ “การทดลองใช้ระบบจริง” หรืออย่างน้อยก็ขอให้ผู้ให้บริการจัด Demo ให้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของระบบก่อน ว่าฟีเจอร์ต่างๆ ทำงานอย่างไร และตรงกับความต้องการของทีมงานหรือไม่ บางระบบเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน หรือ 30 วัน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะให้ทีมทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจจริง
หากเป็นระบบที่ไม่ได้เปิดให้ทดลองใช้งานทันที คุณสามารถติดต่อทีมขายเพื่อขอ Demo หรือจัดประชุมอธิบายการใช้งาน ซึ่ง Connect X มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมนำเสนอและแนะนำระบบแบบเจาะลึกให้เข้าใจง่ายที่สุด

5. การบริการหลังการขายก็สำคัญไม่แพ้ระบบ
ถึงแม้ว่าระบบจะดีเพียงใด แต่ถ้าคุณไม่มีทีมสนับสนุนที่ไว้ใจได้ การใช้งานในระยะยาวก็อาจติดขัดได้ตลอดเวลา ผู้ให้บริการที่ดีควรมีศูนย์ช่วยเหลือลูกค้า (Customer Support) ที่เข้าถึงได้ง่าย มีช่องทางติดต่อหลากหลาย เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือแชตไลฟ์ และมีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาเดียวกับคุณ พร้อมแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่า มีการจัดเทรนนิ่งเบื้องต้นให้หรือไม่? มีคู่มือหรือวิดีโอการใช้งานหรือเปล่า? และมีทีม Customer Success ที่ติดตามการใช้งานหลังจากติดตั้งหรือไม่? Connect X CRM มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดปัญหาเมื่อไร ก็จะมีคนช่วยเหลืออยู่เสมอ
Connect X ขอแนะนำว่า หลังจากตัดสินใจเลือกระบบได้แล้ว ควรวางแผนวันติดตั้งอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่านระบบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานประจำวันของทีมขายหรือทีมบริการลูกค้า จากนั้นควรเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้พร้อมล่วงหน้า เช่น รายชื่อลูกค้า รายการสินค้า หรือข้อมูลการติดต่อสำคัญ เพื่อนำเข้าสู่ระบบใหม่ได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบระเบียบ
นอกจากนี้ อย่าลืมจัดการอบรมหรือเวิร์กชอปให้กับทีมงาน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจวิธีใช้งานระบบ ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลลูกค้า การติดตามสถานะการขาย ไปจนถึงการใช้ฟีเจอร์การวิเคราะห์หรือระบบอัตโนมัติต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการเตรียมความพร้อมของทีม คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การใช้งาน CRM เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุด และยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการขายและการดูแลลูกค้าในระยะยาว
ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !
*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ
Our Latest Blog Posts
Marketing Automation
Marketing Automation Tools ตอบ 3 คำถามยอดฮิต ที่เจ้าของธุรกิจสงสัย!
Marke [...]
ก.ย.
Customer Data Platform
5 วิธีเลือกระบบ Customer Relationship Management ให้ปังที่สุด
เจ้าข [...]
ก.ย.
Highlight other
PDPA ในมุมมองของ SME ต้องเตรียมพร้อมด้านไหนบ้าง?
เมื่อ [...]
ก.ย.
other
จริงหรือไม่? 3 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PDPA เปลี่ยนความคิดด่วน
ก.ย.
Marketing Automation
ระวัง 3 สิ่งนี้! ก่อน Marketing Automations จะทำร้ายลูกค้า
Marke [...]
ก.ย.
Marketing Automation
Email Marketing ทำให้ประสบความสำเร็จ ต้องระวัง 5 สิ่งนี้
Email [...]
ก.ย.
other
ทำความรู้จัก Loyalty Program การสานสัมพันธ์ลูกค้าที่แบรนด์ยุคนี้ต้องมี
Loyal [...]
มี.ค.
other
Marketing Automation Software คืออะไร? ใช้ยังไงให้ธุรกิจโตไว ตอบโจทย์ลูกค้าแบบรู้ใจ
ในยุค [...]
มี.ค.