Category Archives: Uncategorized

4 ขั้นตอนที่ต้องรู้ สำหรับผู้ประกอบการที่อยากผ่านเกณฑ์ PDPA

4 ขั้นตอนควรรู้สำหรับผู้ประกอบการที่อยากผ่านเกณฑ์ PDPA เตรียมความพร้อมก่อนจะเริ่มประกาศใช้จริง

หลังมีประกาศเรื่องพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA ออกมา ผู้ประกอบการหลายคนอาจเกิดคำถามว่า PDPA มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ แล้วจะเริ่มทำ PDPA อย่างไรให้ผ่านเกณฑ์ เนื่องจากพ.ร.บ. นี้มีความสำคัญต่อธุรกิจและการทำ Digital Marketing ที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำมาทำการตลาด แม้ปัจจุบันพ.ร.บ. PDPA จะถูกเลื่อนใช้ไปยังวันที่ 1 มิ.ย. 2565 แล้วก็ตาม แต่ Connect X อยากจะมาแนะนำ 4 ขั้นตอนควรรู้สำหรับผู้ประกอบการที่อยากผ่านเกณฑ์ PDPA เพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อนใคร

ขั้นตอนที่ 1: เตรียม “คน” ในองค์กรให้พร้อม

ในขั้นตอนแรก Connect X แนะนำว่าถ้าอยากผ่านเกณฑ์ PDPA ทุกองค์กรควรเริ่มต้นจัดการกับความพร้อมของคนในองค์กรก่อน โดยสามารถจัดการได้ดังนี้

จัดตั้ง DPO (Data Protection Officer)

DPO (Data Protection Officer) คือเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลภายในและภายนอกองค์กร ทุกองค์กรที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเอาไว้จำเป็นต้องมีการจัดตั้ง DPO ขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพ.ร.บ. PDPA มาตรา 41 และ 42 โดยหน้าที่ของ DPO คือการให้คำแนะนำ ตรวจสอบ จัดเก็บข้อมูล และประสานงานกับสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อเกิดปัญหา

ฝึกอบรมพนักงานภายในองค์กรให้ตระหนักรู้เรื่อง PDPA

เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ PDPA ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทุกองค์กรควรมีการจัดอบรมพนักงานให้เข้าใจถึงหลักการทำงานและความสำคัญของ PDPA และรู้จักวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม

ประเมินผลพนักงาน

หลังจัดอบรมพนักงานควรมีการทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความเข้าใจหลังอบรม หากมีข้อมูลส่วนไหนตกหล่นไปก็จะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุด

ขั้นตอนที่ 2: ปรับ “กระบวนการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล” ให้ตรงตาม PDPA

สำหรับธุรกิจที่เน้นขายสินค้าบนเว็บไซต์อาจกังวลว่า PDPA กับเว็บไซต์ PDPA คือพ.ร.บ. ที่จะทำให้เว็บไซต์เก็บข้อมูลไม่ได้หรือเปล่า ความจริงแล้วไม่ว่าจะอยู่ในแพลตฟอร์มไหนก็ยังเก็บข้อมูลได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถจัดการได้ดังนี้

ยื่นเรื่องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของพ.ร.บ. PDPA มาตรา 19, 41 และ 42 ธุรกิจจะต้องขอความยินยอมก่อนเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน โดยอาจจะทำเป็นแบบฟอร์มขอความยินยอมพร้อมแจ้งรายละเอียดให้ผู้ใช้งานทราบว่าจะเก็บข้อมูลเพื่ออะไรและจะเก็บไว้นานแค่ไหน นอกจากนี้ทุกองค์กรยังค1วรทำสัญญา DPA (Data Processing Agreement) เพื่อทำข้อตกลงเรื่องขอบเขตความรับผิดชอบเอาไว้ด้วย

เพิ่มช่องทางการจัดการสิทธิ์ให้กับผู้ใช้งาน

แม้จะทำการขอความยินยอมแล้ว แต่ตามกฎหมายผู้ใช้งานยังคงเป็นเจ้าของข้อมูลและมีสิทธิ์จะยกเลิกข้อตกลงหรือแก้ไขความต้องการได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลของตนเองได้

จัดทำ Data Inventory Mapping

กระบวนการนี้คือการจัดระเบียบข้อมูลทุกอย่างภายในองค์กร เพื่อแยกแยะว่ามีข้อมูลใดบ้าง แล้วข้อมูลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน จัดเก็บอย่างไร ใครเป็นผู้ดูแล แล้วส่งข้อมูลเหล่านี้ไปให้องค์กรไหนบ้าง ซึ่งการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบจะช่วยให้องค์กรนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ได้ง่ายขึ้น

ประเมินความเสี่ยงก่อนใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล

แน่นอนว่าแม้จะทำทุกขั้นตอนครบแล้ว แต่ก่อนจะนำข้อมูลส่วนบุคคลใดที่จัดเก็บไว้มาใช้งาน ผู้ประกอบการต้องพิจารณาความเสี่ยงก่อนทุกครั้งว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่

ขั้นตอนที่ 3: “ความปลอดภัย” คือหัวใจของความเชื่อมั่น

ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าความ “ปลอดภัยของข้อมูล” คือหัวใจหลักของพ.ร.บ. PDPA หากธุรกิจไหนไม่มีนโยบายที่รองรับเรื่องนี้ ย่อมไม่มีทางผ่านเกณฑ์แน่นอน โดยผู้ประกอบการสามารถจัดการกับความปลอดภัยได้ดังนี้

ต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) 

ผู้ประกอบการต้องคำนึงไว้เสมอว่า ข้อมูลของผู้ใช้งานทุกคนจะต้องได้รับการปกป้องจากองค์กร ดังนั้นองค์กรจึงต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัวเข้ามาควบคุม เพื่อทำให้พนักงานทราบถึงกระบวนการทำงานว่าจะจัดการกับข้อมูลเหล่านี้อย่างไร รวมถึงต้องมีบทลงโทษสำหรับคนที่ทำข้อมูลรั่วไหล เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ให้ข้อมูลด้วย

ต้องมีมาตรการรับมือเมื่อเกิดปัญหา

ในกรณีที่ข้อมูลรั่วไหล เจ้าหน้าที่ DPO ขององค์กรจะต้องแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง รวมถึงแจ้งเตือนให้ผู้ให้ข้อมูลรับทราบด้วย และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ องค์กรจะต้องมีมาตราการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ

ขั้นตอนที่ 4: เลือก “เทคโนโลยี” จัดเก็บข้อมูลที่รองรับ PDPA

ในการทำธุรกิจ การเก็บข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แต่หลังจากพ.ร.บ. PDPA เริ่มใช้งาน การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเดิมอาจไม่สามารถทำได้แล้ว การเลือกเทคโนโลยีที่รองรับ PDPA จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้ธุรกิจของคุณผ่านเกณฑ์ได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มของ Connect X แพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ในที่เดียวกัน (CDP) และมี Marketing Automation คอยช่วยเรื่องการตลาดแบบอัตโนมัติด้วย ซึ่งแพลตฟอร์มนี้มีการรองรับ PDPA ผู้ประกอบการจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์

หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงทราบแล้วว่าจะทำให้ธุรกิจของตัวเองผ่านเกณฑ์ PDPA ได้อย่างไร แม้พ.ร.บ. PDPA จะเริ่มใช้จริงในอีก 1 ปีข้างหน้า แต่ Connect X ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการทุกคนรีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเตรียมธุรกิจของตัวเองให้พร้อม พอถึงเวลาจะได้ผ่านเกณฑ์ง่าย ๆ แบบไร้กังวล เพราะยิ่งเตรียมตัวได้เร็วและดีเท่าไร ก็จะนำหน้าคู่แข่งไปได้ไกลเท่านั้น

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

SMS Marketing ยังสามารถตอบโจทย์แบรนด์ของคุณในยุคดิจิทัล ได้หรือไม่?

SMSขMarketing

การตลาดแบบ SMS Marketing อาจเป็นกลยุทธ์ที่หลายแบรนด์อาจมองข้าม แล้วเครื่องมือการตลาดตัวนี้ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อยู่หรือไม่

SMSขMarketing

กลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตลาด เช่น Content Marketing, SEM, Email Marketing และอีกมากมาย แต่ในวันนี้รูปแบบการตลาดที่ Connect X จะมากล่าวถึงในบทความนี้ก็คือ SMS Marketing นั่นเองครับ ซึ่งเป็นเครื่องมือการตลาดที่หลายคนมักมองข้าม แบรนด์และนักการตลาดรุ่นใหม่จึงอาจมีคำถามว่า “แล้วการทำ SMS Marketing ยังตอบโจทย์แบรนด์ในปัจจุบันได้หรือไม่?”

แต่ก่อนที่จะตอบคำถามนั้น มาดูกันว่า…

การตลาด SMS Marketing คืออะไร?

นับตั้งแต่มีการส่งข้อความ SMS (Short Message Service) เป็นครั้งแรกในปี 1992 นับว่าช่องทางการสื่อสารนี้ได้มีมานานเกือบ 30 ปีแล้ว การจากส่งข้อความพูดคุยกันธรรมดากลายเป็นช่องทางการตลาด แบรนด์และธุรกิจต่างก็ใช้ SMS Marketing เพื่อบอกข่าว มอบโปรโมชันพิเศษ และประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆ

แม้ SMS Marketing จะเป็นการตลาดผ่านข้อความสั้นๆ แต่ก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะส่งให้กับฐานลูกค้าที่มีอยู่แล้ว หรือแบ่งตาม Audience Segment เช่น มอบส่วนลดให้ลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่ม Conversion รวมไปถึงการส่งข้อความแบบ Personalized ที่ต่างกันให้กับลูกค้ารายบุคคลเพื่อแสดงความใส่ใจแก่ลูกค้าแต่ละคน ซึ่ง Marketing Platform อย่าง Connect X สามารถทำได้อย่างง่ายดายครับ

SMS Marketing ยังตอบโจทย์แบรนด์ได้อยู่ไหม? 

สำหรับคำถามนี้ที่ทุกท่านสงสัย Connect X ขอตอบว่า SMS Marketing สามารถตอบโจทย์ของแบรนด์ในยุคดิจิทัลได้ครับ และยังเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของ Customer Relationship Management อีกด้วย โดยสถิติจากหลายแหล่งพบว่า มีรายละเอียด ดังนี้

  • Open Rate หรืออัตราการเปิด SMS นั้นอยู่ที่ 98% ซึ่งสูงมาก เมื่อเทียบกับ Email ที่มี Open Rate เพียง 20%  หรือการทำการตลาดแบบอื่น
  • อัตราการตอบสนอง (Response Rate) ของ SMS ยังสูงถึง 45%
  • เวลาที่ใช้ในการตอบ SMS ของคนส่วนใหญ่อยู่ที่ 90 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก

อย่างที่ทราบกันดีว่า SMS Marketing คือการส่งข้อความหากลุ่มเป้าหมายโดยตรง รวดเร็วกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าเครื่องมือประเภทอื่น อีกทั้งเป็นรูปแบบการตลาดที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย หรือเป็นการสร้าง  Engagement และยังสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้อีกด้วย อาทิ เมื่อลูกค้าสนใจสิทธิพิเศษหรือโปรโมชันที่แบรนด์ส่งผ่าน SMS ก็จะสามารถกดลิงก์เข้าไปรับสิทธิ์ได้ทันทีครับ

ต้องขอบอกเลยครับว่าการทำ SMS Marketing สามารถตอบโจทย์การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจ B2C เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นข้อความ

ทำ SMS Marketing ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างไร?

แบรนด์ต่างๆ สามารถนำการทำ SMS Marketing ไปประยุกต์ใช้กับขั้นตอนการตลาดได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจหรือแคมเปญนั้นๆ โดยต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนเสียก่อน โดยคุณอาจใช้คำถามพื้นฐาน เช่น 5W1H หรือก็คือ Who, What, Where, When, Why และ How นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งกำหนดได้จาก Demographic ตาม อายุ เพศ อาชีพ รายได้ เป็นต้น

นอกจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวเองแล้ว คุณก็สามารถใช้ระบบ CRM เพื่อบริหารจัดการฐานข้อมูลของลูกค้าให้สะดวก ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าหากคุณทำ SMS Marketing ผ่าน Connect X

SMS Marketing ผ่าน Connect X ดีกว่าอย่างไร?

การทำ SMS Marketing บนแพลตฟอร์มอย่าง Connect X จะทำให้ธุรกิจคุณลืมการส่งข้อความแบบแมสๆ ไปได้เลย เพราะมีฟีเจอร์ SMS Personalization ที่ไม่ใช่แค่แจ้งเตือนข่าวหรือโปรโมชัน แต่ยังสามารถแจ้งเตือนโปรรู้ใจของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งสามารถแนบชื่อลูกค้าแต่ละบุคคลให้ประทับใจอย่างมากที่สุด และมีฟีเจอร์อีกมากมาย เช่น

  • CDP (Customer Data Platform) ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, IG, Shopee, Lazada, POS, Website หรือ ERP ทำให้แบรนด์รู้ว่าลูกค้าสนใจสินค้าอะไร และโปรโมชันแบบไหน
  • แบ่งกลุ่มลูกค้าได้ลึกถึง Insight ต่างๆ อย่างพฤติกรรม หรือสินค้าที่สนใจ และอีกมากมาย
  • แบรนด์รู้ได้ทันทีว่าลูกค้าได้เปิดลิงก์ SMS หรือไม่ พร้อมสามารถตั้งค่าให้ส่งผ่านช่องทางอื่นๆ ได้อีกด้วย
  • ส่ง SMS ผ่าน Marketing Automation บน Connect X ซึ่งความพิเศษของ Connect X คือ  ถ้าลูกค้าไม่กด Link ก็สามารถส่งไปช่องทางอื่นแบบ Cross Channel ได้ เช่น Email, Line, Facebook Message ทำให้ทุกแคมเปญที่ส่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นได้อย่างแน่นอน

ฟีเจอร์ของ Connect X ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากท่านสนใจสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ connect-x.tech เพิ่มสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย

…และอย่าลืมว่า SMS Marketing จะตอบโจทย์แบรนด์คุณได้อย่างแน่นอน!

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

แนะนำ 5 ระบบรวมแชท ธุรกิจที่อยากเพิ่มยอดขายไม่ควรพลาด

ระบบรวมแชท

ระบบรวมแชท คือโปรแกรมที่รวบรวมแชทจากทุกช่องทางมาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบโต้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็วกว่าการตอบแชทแบบเดิมๆ ไปทีละช่องทาง ซึ่งระบบรวมแชทดังกล่าวเป็นซอฟต์แวร์แชทสด คือ สามารถใช้งานได้แบบเรียลไทม์ (Real-Time) มีการประมวลผลและตอบกลับได้ในทันทีทันใด ไม่เสียโอกาสในการขาย

นอกจากนี้ ระบบแชทสดเหล่านี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพิ่มเติม เช่น ระบบแชทบอท การนำ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และประมวลผล และระบบ CRM ในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า เป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการหรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์

วันนี้ Connect X จึงรวบรวม 5 ระบบรวมแชทที่ธุรกิจในยุคนี้ไม่ควรพลาด มีซอฟต์แวร์ไหนน่าใช้บ้าง มาดูกันเลย

แนะนำ 5 ระบบรวมแชท …ที่เหล่าธุรกิจไม่ควรพลาด

1. Ultimate.ai

แพลตฟอร์มอัตโนมัติเจ้าใหญ่ที่มีระบบแชทบอทในตัวและยังสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนคำขอช่วยเหลือและบริการในส่วนสำคัญต่างๆ ให้เป็นงานอัตโนมัติได้ถึง 70% ทำให้ Ultimate.ai เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับธุรกิจได้ทุกตลาดและยังรองรับได้ถึง 109 ภาษา

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Utimate.ai

  • ให้คำแนะนำในการตอบกลับสำหรับเจ้าหน้าที่
  • สามารถวิเคราะห์สถิติการบริการและรายงานผลการวิเคราะห์สถิติที่ได้รับการพัฒนา
  • เชื่อมโยงกับระบบ CRM ทำให้เห็นทุกการเคลื่อนไหวได้ในหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจัดการคำสั่งซื้อและระบบบริหารภายในองค์กร
  • ตัวช่วยในการลำดับความสำคัญและส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ด้วยการกำหนดเส้นทางแชทให้เหมาะสมได้
[/col]

Image Credit By: https://www.ultimate.ai/

2. Digital Genius

เป็นแพลตฟอร์มสำหรับช่วยเหลือระบบการงานและการบริการด้วยระบบอัตโนมัติ โดยใช้ AI จัดการกับกระบวนการซ้ำๆ หรือใช้ตอบคำถามซ้ำๆ ได้อย่างอัตโนมัติ เช่น การสอบถามสถานะคำสั่งซื้อ การยกเลิก การขอเงินคืน เป็นต้น นอกจากนี้ธุรกิจยังสามารถกรอกแท็กต่างๆ เพื่อจัดประเภทลูกค้าได้อีกด้วย

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Digital Genius

  • งานอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นหลัก พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
  • ใช้งานร่วมกันกับระบบ CMS, OMS เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกที่เข้าหากันได้ภายในคลิกเดียว
  • การรายงานและการวิเคราะห์สถิติที่ได้รับการพัฒนา
  • มีการออกแบบที่ใช้งานง่าย สามารถปรับแต่ง Workflow ได้ตามประเภทของธุรกิจ

Image Credit By: https://digitalgenius.com

3. Cognigy

Cognigy.AI เป็นแพลตฟอร์มที่ผสานการทำงานกับ AI ขั้นสูง โดยมีความสามารถในการสร้างแชทบอทในรูปแบบข้อความ (Text) และเสียง (Voice) ได้ เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า ซึ่งสามารถใช้บริการในทุกอุตสาหกรรมและทุกระดับ สามารถปรับแต่งได้เพราะเป็น Low-Code Platform นอกจากนี้ยังรองรับการสนทนาในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บไซต์ โทรศัพท์ ข้อความ SMS และแอปสำหรับอุปกรณ์พกพา

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

  •  ให้บริการสร้างบทสนทนาอัตโนมัติทั้งรูปแบบข้อความและเสียงในภาษาต่างๆ กว่า 100 ภาษาได้ในช่องทางการแชทที่หลากหลาย
  • งานอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง สามารถพัฒนาความสามารถของ AI ให้ทำงานรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นได้
  • สามารถมอนิเตอร์ความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเรียลไทม์ บน Dashboard KPI
  • การรายงานและการวิเคราะห์สถิติที่ได้รับการพัฒนา และเก็บข้อมูลด้วยความปลอดภัยขั้นสูง
  • การทำงานร่วมกันกับระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ CRM, ระบบ ERP  หรือระบบ RPA

Image Credit By: https://www.cognigy.com

4. Zowie For Chat 

เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มหรือระบบแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถช่วยจัดการปริมาณงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการให้เป็นแบบอัตโนมัติ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากประวัติการแชท และออกแบบกลยุทธ์งานอัตโนมัติโดยผู้เชี่ยวชาญร่วมกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ เพื่อให้มีรูปแบบออกมาเหมาะสมที่สุด Zowie สามารถรองรับภาษาต่างๆ ได้ถึง 56 ภาษา และรองรับแชทบอทในแชทของเว็บไซต์ แชทในอุปกรณ์พกพา โซเชียลมีเดีย และแอปส่งข้อความต่างๆ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

  • การกำหนดเส้นทางแชทให้เหมาะสมกับการจัดการงาน
  • แชทบอทด้วยระบบ AI ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง จนเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด
  • การตอบกลับที่เตรียมไว้ล่วงหน้า และให้คำแนะนำในการตอบคำถามได้
  • Automation ที่ช่วยจัดการปัญหาได้มากถึง 30% ต่อวัน
  • การรายงานและการวิเคราะห์สถิติ

Image credit by https://getzowie.com

5. Connect X ระบบรวม Social Chat

ตอบกลับทุก Platform ยอดฮิต ได้ในหน้าจอเดียว สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าและสามารถติดตามได้ว่าลูกค้าทักมาจากช่องทางใด เคยติดต่อจากแพลตฟอร์มไหน มีความสนใจสินค้าอะไร เปลี่ยนจาก Unknown Customer เป็น Known Customer ทำให้แอดมินตอบได้อย่างรู้ใจลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังมีระบบ CRM และ Loyalty Program เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ส่งโปรโมชันถูกใจลูกค้าได้ทันทีด้วย Marketing Automation ช่วยให้ปิดการขายและสร้างความประทับใจได้มากกว่าแพลตฟอร์มไหนๆ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

  • รองรับระบบแชทสดยอดนิยมของชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, LINE OA, Instagram, Website (Live Chat) และ Pantip (Social Listening)
  • ระบบการจัดการแบบ Ticket Management ให้ทุกข้อความส่งไปหาแอดมินที่ได้จัดแบ่งหน้าที่เอาไว้ และสามารถประเมินศักยภาพของแอดมินแต่ละคนได้อีกด้วย
  • ทำงานร่วมกับ CRM และ CDP เพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และติดตามลูกค้า เพื่อเห็นทุกความเคลื่อนไหวจากทุกช่องทาง และต่อยอดกิจกรรมทางการตลาดได้
  • ระบบการจับ Keyword ในกระทู้ Pantip เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในสังคมออนไลน์ สามารถให้แอดมินตอบกลับได้ทันที ทุกครั้งที่มีลูกค้าพูดถึงแบรนด์
ระบบรวมแชท

Image credit by https://connect-x.tech/

จะเห็นได้ว่าระบบรวมแชทที่ Connect X ได้คัดสรรมาให้นั้น มีประโยชน์ต่อธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่พบเจอในปัจจุบันอย่างการตอบสนองลูกค้าให้ทันในทุกช่องทางได้อย่างง่ายดาย โดยจะช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และยังช่วยในด้านการบริหารจัดการภายในได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนากิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างง่ายดาย หากคุณกำลังมองหาระบบรวมแชทที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคุณอยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร Connect X เรามีบริการแนะนำให้ฟรี

 

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย