Author Archives: Proud

5 เหตุผลที่คุณอาจต้องใช้ ConnectX

5 reasons that you should use connectx

ในฐานะนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจ คุณมักจะมองหาวิธีปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพอยู่เสมอ เครื่องมือหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้คือ ConnectX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเก็บรวบรวมลูกค้าสำหรับนักการตลาด และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่ครอบคลุม ConnectX สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและทรัพยากร ดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ให้บริการและการสนับสนุนลูกค้าที่ดีขึ้น ติดตามประสิทธิภาพ และเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะสำรวจประโยชน์มากมายของการใช้ Connect X  และวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ หากคุณพร้อมที่จะยกระดับธุรกิจของคุณไปอีกขั้น คุณควรพิจารณาใช้ Connect X

การทำการตลาดของคุณโดยอัตโนมัติ

เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติของ HubSpot ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ปรับปรุงและดำเนินกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ โดยอัตโนมัติ รวมถึง:

  • การตลาดผ่านอีเมล (Email Markeitng): สามารถสร้างและส่งแคมเปญอีเมลที่ตรงเป้าหมาย แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมล และติดตามความสำเร็จของแคมเปญ
  • การตลาดบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing): สามารถกำหนดเวลาและเผยแพร่โพสต์โซเชียลมีเดีย รวมถึงติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ       โซเซียลมีเดียของตนได้
  • เพิ่มยอดลีด: สามารถส่งอีเมลอัตโนมัติไปยังลูกค้าเป้าหมายโดยพิจารณาจากการกระทำและพฤติกรรมของลูกค้า
  • Workflows: เครื่องมือเวิร์กโฟลว์ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการต่างๆ โดยอัตโนมัติตาม triggers เช่น เมื่อลีดกรอกแบบฟอร์มเข้ามา

ระบบอัตโนมัติทางการตลาดสามารถช่วยธุรกิจของคุณประหยัดเวลาและทรัพยากร และมอบประสบการณ์ทางการตลาดที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับลูกค้าของคุณ

สร้างโอกาสในการขายมากขึ้น

เครื่องมือสร้างโอกาสในการขายของ ConnectX ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ดึงดูดลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้พวกเขาขยายฐานลูกค้าได้ คุณสมบัติการสร้างโอกาสในการขายที่สำคัญบางประการของ Connect X รวมถึง:

  • แบบฟอร์ม: ธุรกิจสามารถใช้แบบฟอร์มของ Connect X เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าเป้าหมายบนเว็บไซต์ของตน
  • ลีดโฟลว์: สามารถสร้างแบบฟอร์มป๊อปอัปที่ปรากฏในหน้าใดหน้าหนึ่งหรือเมื่อผู้เยี่ยมชมดำเนินการบางอย่าง เช่น เลื่อนไปที่ด้านล่างสุดของหน้า
  • Chatbots: เครื่องมือสร้างแชทบอทของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สร้างแชทบอทที่สามารถมีส่วนร่วมกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมาย
  • Ads & Web tracking: Connect X มีเครื่องมือเหล่านี้มากมาย รวมถึงการผสานรวมกับแพลตฟอร์มการตลาดและการขายยอดนิยม ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าเป้าหมายจากแหล่งต่างๆ

เครื่องมือที่ Connect X มีให้สำหรับการสร้างโอกาสในการขายจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายและขยายฐานลูกค้าของคุณ

การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า

ฟีเจอร์การจัดการและเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า (CDP) ของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจจัดการและติดตามการโต้ตอบและข้อมูลกับลูกค้า ทำให้สามารถให้บริการและสนับสนุนลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น คุณลักษณะ CRM ที่สำคัญบางประการของ Connect X ได้แก่:

  • Deals: Deal management ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและจัดการโอกาสในการขาย รวมถึงขั้นตอนของข้อตกลงและโอกาสในการปิดขาย
  • การส่งมอบงาน: สามารถสร้างและมอบหมายงานให้กับสมาชิกในทีม เช่น การติดตามผลกับลูกค้าหรือการกำหนดเวลาการสาธิต
  • การติดตามอีเมล: เครื่องมือนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เห็นว่าอีเมลถูกเปิดและคลิกเมื่อใด หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบแล้วหรือไม่
  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า: CDP ของ Connect X ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากร ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อใช้ CDP ของ Connect X ธุรกิจของคุณจะมีความพร้อมมากขึ้นในการให้บริการและการสนับสนุนลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

เพิ่มผลผลิตการขาย

เครื่องมือการขายของ Connect X สามารถช่วยให้ธุรกิจปิดดีลได้มากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการขายด้วยการให้ข้อมูลและฟังก์ชันที่จำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ วิธีหลักบางประการที่ Connect X สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขาย ได้แก่ :

  • ระบบการขายอัตโนมัติ: ด้วยเครื่องมือการขายอัตโนมัติของ Connect X ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับปรุงและทำให้กระบวนการขายเป็นแบบอัตโนมัติ เช่น การมอบหมายลูกค้าเป้าหมาย แคมเปญอีเมล และการจัดการงาน
  • การวิเคราะห์การขาย: ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อัตราการปิดดีล ขนาดดีลเฉลี่ย และระยะเวลาวงจรการขาย เพื่อระบุแนวโน้มและส่วนที่ต้องปรับปรุง
  • การจัดกำหนดการประชุม: ทีมขายสามารถกำหนดเวลาและจัดการการประชุมกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและลูกค้าได้โดยตรงจาก CDP ช่วยประหยัดเวลาและลดข้อขัดแย้งในการกำหนดเวลา
  • การทำงานร่วมกัน: ทีมขายสามารถแบ่งปันและทำงานร่วมกันในข้อตกลง เอกสาร และงาน ปรับปรุงการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพ

เมื่อทีมของคุณมีข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับกระบวนการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาจะปิดดีลได้มากขึ้นโดยธรรมชาติ

ติดตามประสิทธิภาพและทำความเข้าใจลูกค้าของคุณ

Connect X นำเสนอเครื่องมือวิเคราะห์และการรายงานที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพและเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ประโยชน์หลักบางประการของการวิเคราะห์และการรายงานของ Connect X ได้แก่:

  • แดชบอร์ดที่กำหนดเอง: สามารถสร้างมุมมองที่กำหนดเองสำหรับข้อมูลของตน รวมถึงเมตริกหลัก เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ โอกาสในการขายที่สร้างขึ้น และต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า
  • การวิเคราะห์การตลาด: เครื่องมือวิเคราะห์การตลาดของ Connect X t ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามความสำเร็จของแคมเปญการตลาด รวมถึงจำนวนของโอกาสในการขายที่สร้างขึ้น จำนวนการแปลง และต้นทุนต่อโอกาสในการขาย
  • การวิเคราะห์การขาย: ธุรกิจต่างๆ สามารถติดตามประสิทธิภาพของทีมขาย รวมถึงเมตริกต่างๆ เช่น อัตราการปิดดีล ขนาดดีลเฉลี่ย และความยาวรอบการขาย
  • การวิเคราะห์ลูกค้า: เครื่องมือวิเคราะห์ลูกค้าของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถติดตามและทำความเข้าใจพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากรของลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยปรับแต่งการตลาดและการขายของตนได้
  • รายงานที่กำหนดเอง: ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างและแชร์รายงานกับทีมหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ ลีด การขาย และพฤติกรรมของลูกค้า

เครื่องมือวิเคราะห์และรายงานของ Connect X สามารถช่วยธุรกิจติดตามประสิทธิภาพ ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเพื่อทำให้ธุรกิจเติบโต โดยสรุปแล้ว Connect X เป็นแพลตฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจปรับปรุงและทำให้ความพยายามด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติ หากคุณต้องการเติบโตและประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน คุณควรพิจารณาถึงประโยชน์มากมายของการใช้ Connect X

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

    Yearly Budget

    How do you know us?

    ความแตกต่างระหว่าง CDP vs DMP vs CRM

    cdp vs crm vs dmp

    ลูกค้าคือ หัวใจสำคัญของทุกธุรกิจและการเข้าใจความต้องการของลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้า เมื่อทำการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีจัดการข้อมูลลูกค้า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างระบบ Customer Data Platform (CDP) และระบบ Customer Relationship Management (CRM) บทความนี้คุณจะได้รับข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อตัดสินใจ CDP Versus CRM

    ความแตกต่างระหว่าง CDP กับ CRM

    แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP) ได้รับการออกแบบให้ทำงานคล้ายกับ CRM—จัดเก็บข้อมูล และจัดการข้อมูลลูกค้าจากทุกแหล่ง ความแตกต่างอยู่ที่ระดับของการปรับแต่งที่มีกับ CDP ด้วย CDP บริษัทต่างๆ สามารถควบคุมการรวบรวมและการจัดการข้อมูลได้มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้มากกว่าที่จะได้รับจาก CRM นอกจากนี้ CDP ยังสามารถเชื่อมต่อปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ารายบุคคลผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้บริษัทต่างๆ มีมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับลูกค้าของตน

    แพลตฟอร์มเก็บข้อมูลลูกค้า (CDP) ย่อมาจากอะไร?

    Customer Data Platform (CDP) คือระบบที่รวบรวม จัดระเบียบ และเปิดใช้งานข้อมูลลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ CDP รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ ไว้ในฐานข้อมูลเดียวและช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ดีขึ้นและประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น CDP ทำให้ง่ายต่อการระบุแนวโน้ม แบ่งกลุ่มลูกค้า สร้างแคมเปญที่ตรงเป้าหมาย และวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า

    CRM ย่อมาจากอะไร?

    Customer Relationship Management (CRM) คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวม จัดเก็บ และจัดการข้อมูลลูกค้าจากทุกแหล่ง ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลการขายแบบออฟไลน์ กิจกรรมบนเว็บไซต์ กิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น เป้าหมายของ CRM คือการทำให้บริษัทมีความสามารถในการเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น

    DMP ย่อมาจากอะไร?

    Data Management Platform (DMP) เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่รวบรวม จัดระเบียบ และเปิดใช้งานชุดข้อมูลขนาดใหญ่จากแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่หนึ่ง ข้อมูลที่สอง และบุคคลที่สาม DMP ช่วยให้นักการตลาดและผู้ลงโฆษณาตัดสินใจได้ดีขึ้นโดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภค และเปิดใช้งานการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองสำหรับแคมเปญโฆษณา

    CDP vs CRM vs DMP

    แต่ละแพลตฟอร์มเหล่านี้มีจุดแข็งและข้อจำกัดของตัวเอง และการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายและข้อกำหนดทางธุรกิจ

    ตัวอย่างเช่น หากวัตถุประสงค์หลักของบริษัทคือการมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลให้กับลูกค้า CDP จะเหมาะสมกว่า หากเป้าหมายคือการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาและเข้าถึงผู้ชมเฉพาะ DMP หากมุ่งเน้นที่การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและปรับปรุงประสิทธิภาพการขายและการตลาด CRM ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของธุรกิจขนาดเล็ก แต่หากเป็นธุรกิจชองปานกลางไปจนธุรกิจขนาดใหญ่ CDP นั้นก็สามารถช่วยให้การปรับปรุงประสิทธิภาพการขาย และเพิ่ม ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากกว่า

    ท้ายที่สุด การตัดสินใจว่าจะใช้แพลตฟอร์มใดขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจ หลายบริษัทใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ร่วมกันเพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับลูกค้า และปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายให้เหมาะสม

    CRM vs CDP เลือกอันไหนดีที่สุด?

    แม้ว่า CDP ต่างกับ CRM ในแนวทางการจัดการข้อมูลลูกค้า แต่ก็มีจุดร่วมบางอย่างร่วมกัน ทั้งคู่ได้รับการออกแบบเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้าแต่ละรายและให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงแก่ธุรกิจ นอกจากนี้ โดยทั่วไป CDP และ CRM มีการผสานรวมในตัวที่ช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อทั้งสองระบบเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น การผสานรวมนี้สามารถให้บริษัทต่างๆ มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับลูกค้าของพวกเขา โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับความชอบ ความสนใจ และพฤติกรรมผ่านช่องทางต่างๆ CRM ต่างกับ CDP ตรงที่ CRM จะเน้นเก็บข้อมูลเมื่อลูกค้าได้ทำการติดต่อกับแบรนด์เท่านั้น แต่ CDP สามารถเก็บได้ข้อมูลได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำการติดต่อได้เลย

    ประโยชน์ของการใช้ทั้ง CDP และ CRM

    การรวม CDP และ CRM เข้าด้วยกัน ธุรกิจสามารถปลดล็อกผลลัพธ์ที่จับต้องได้อันทรงพลัง ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากทั้งสองระบบจะมีความสามารถในการแบ่งกลุ่มลูกค้าที่ดีขึ้น ทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่มีศักยภาพด้วยการส่งข้อความส่วนบุคคลที่เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและอัตราการแปลง นอกจากนี้ การผสานรวม CDP และ CRM ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลจากจุดสัมผัสหลายจุดในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อความสอดคล้องที่ดีขึ้นเมื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

    สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

    เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

    Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

      Yearly Budget

      How do you know us?

      Customer 360 คืออะไร? สำคัญต่อธุรกิจคุณหรือไม่?

      customer 360

      Customer 360 คือ เครื่องมือช่วยรวบรวมข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์ม ที่ไม่ว่าคุณจะเก็บไว้ไหน ให้รวบรวมมาอยู่ในที่เดียวแบบ customer 360

      หากคุณกำลังเผชิญปัญหาการเก็บรวบรวมข้อมูลที่กระจัดจาย ตามแพลตฟอร์มหรือทีมต่างๆ แต่การรวบรวมข้อมูลต่างๆนั้นก็สำคัญต่อการนำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนากลยุทธ์การขายเช่นกัน บทความนี้จะคุณไปทำความรู้จัก customer 360 ยิ่งขึ้นและผลประโยชน์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล 360 องศา

      Customer 360 คืออะไร

      Customer 360 เป็นรูปแบบการรูปแบบการรวบรวบข้อมูลลูกค้าที่ต่อเนื่องมาจาก Customer single view ที่สามารถแสดงข้อมูลของลูกค้าที่กระจัดจายออกไปในจุดเชื่อมต่อต่างๆ จากเชื่อมต่อจากแอปพลิเคชันและแหล่งข้อมูลที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจมีมุมมองลูกค้าแบบ 360 องศา ซึ่งรวมถึงข้อมูลลูกค้าจาก: การบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM), โซเชียลมีเดีย, อีคอมเมิร์ซ, การตลาด, การขาย, การบริการลูกค้า, แอปมือถือ และจุดติดต่อลูกค้าอื่นๆ ธุรกิจต่างๆ ใช้ Customer 360 เพื่อรับข้อมูลลูกค้าแบบ Real-time เพื่อเพิ่มคุณภาพของการบริการลูกค้าเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า การมีแหล่งข้อมูลเดียวช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นสำหรับการพัฒนาแผนการตลาดและกลยุทธ์การขาย

      ความสำคัญของ Customer 360

      ความสำคัญของ Customer 360 นั้น คือช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเสริมสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขาย และการทำการตลาดของธุรกิจที่ดีขึ้น

      ข้อมูลลูกค้า Customer data คืออะไร มีกี่ประเภท

      ข้อมูลลูกค้ามี 4 ประเภทดังนี้

      1. ข้อมูลพื้นฐาน (Basic data)

      ข้อมูลลูกค้าส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน เช่น ชื่อผู้ติดต่อ ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ตำแหน่งงาน และองค์กรที่เชื่อมโยงเป็นตัวอย่างของข้อมูลพื้นฐานลูกค้า เพศและรายได้ หรือข้อมูลบริษัท เช่น รายได้ต่อปีหรืออุตสาหกรรม ก็เป็นข้อมูลลูกค้าพื้นฐานเช่นกัน

      2. ข้อมูลการโต้ตอบ (Interaction data)

      ข้อมูลเกิดจาก การมีส่วนร่วมและการโต้ตอบกับลูกค้า รวมถึงจุดติดต่อต่างๆที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ของคุณ ข้อมูลการโต้ตอบมีประโยชน์อย่างยิ่งในการการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางของผู้ซื้อ การดูหน้าเว็บ การดาวน์โหลดไฟล์ การแชร์บนโซเชียล การสอบถามทางอีเมล

      3. ข้อมูลพฤติกรรม (Behavioral data)

      ข้อมูล “พฤติกรรม” นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการจริงของผลิตภัณฑ์ บริษัทเทคโนโลยีมักอ้างถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เช่น การลงทะเบียนทดลองใช้ฟรี การเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ ลักษณะการใช้งาน การเพิ่มสิทธิ์การใช้งานของผู้ใช้ การปิดการใช้งาน และการปรับลดการเข้าถึงต่างๆ เป็นต้น

      ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว เกือบทุกองค์กรเก็บข้อมูลพฤติกรรมบางประเภทไว้ หากคุณเป็นผู้ผลิต คุณจะได้รับใบสั่งซื้อที่ถูกติดตามใน ERP ของคุณเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้คุณทำตามคำขอของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแล้ว ใบสั่งซื้อแต่ละใบยังแสดงถึงโอกาสในการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าและระบุแนวโน้มในอนาคต

      4. ข้อมูลทัศนคติ (Attitudinal data)

      ข้อมูล “ทัศนคติ” ช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับบริษัทของคุณและโซลูชันที่คุณนำเสนอ ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลสามประเภทอื่น ๆ ข้อมูลทัศนคตินำเสนอบัญชีโดยตรงของสิ่งที่ลูกค้าคิดจริง ๆ บทวิจารณ์ออนไลน์ ความคิดเห็นส่วนตัว และแบบสำรวจความพึงพอใจเป็นแหล่งข้อมูลทัศนคติ

      การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าแบบ customer360

      การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้านั้นสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้

      • สังเกตจากพฤติกรรมลูกค้าบนโลกออนไลน์
      • การสัมภาษณ์ลูกค้า
      • การวิเคราะห์และตรวจสอบผ่าน Website Analytics เช่น Google Analytics
      • การสร้างแบบสอบถามออนไลน์
      • การรวบรวมข้อมูลโดย Marketing Tools เช่น Connect X

      อุปสรรคของการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า

      อุปสรรคและข้อผิดพลาดที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อต้องการรวบรวมข้อมูล ได้แก่:

      ปัญหาคุณภาพของข้อมูล

      ข้อมูลดิบมักมีข้อผิดพลาด ความไม่สอดคล้องกัน และปัญหาอื่นๆ ตามหลักการแล้ว การรวบรวมข้อมูลได้รับการออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดปัญหาดังกล่าวให้เหลือน้อยที่สุด

      การค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

      การรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์อาจเป็นงานที่ซับซ้อนสำหรับนักการตลาด การใช้เทคนิคการจัดการข้อมูลช่วยให้ค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น

      การเลือกประเภทของข้อมูล

      มักเป็นปัญหาพื้นฐานทั้งสำหรับการรวบรวมข้อมูลดิบล่วงหน้า การรวบรวมข้อมูลที่ไม่จำเป็นจะเพิ่มเวลา ค่าใช้จ่าย และความซับซ้อนให้กับกระบวนการ แต่การละทิ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถจำกัดมูลค่าทางธุรกิจของชุดข้อมูลและส่งผลต่อผลการวิเคราะห์

      การจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่

      Big data มักประกอบด้วยข้อมูลที่มีโครงสร้าง ไม่มีโครงสร้าง และกึ่งโครงสร้างรวมกันในปริมาณมาก ทำให้ขั้นตอนการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลเริ่มต้นมีความซับซ้อนมากขึ้น

      การขาดความร่วมมือของการสัมภาษณ์หรือตอบแบบสอบถาม

      การขาดการตอบสนองหรือผู้เข้าร่วมที่เต็มใจจะทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลที่รวบรวม

      ข้อดีในการนำ Customer 360 มาใช้ในธุรกิจ

      ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

      การเข้าใจความต้องการ ความพึงพอใจ และพฤติกรรมของลูกค้า บริษัทต่างๆ สามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และการสื่อสารของตนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่ดีขึ้น

      การเพิ่มโอกาสทางการขายและการตลาด

      สามารถใช้ข้อมูล Customer 360 เพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้มในพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยบริษัทระบุโอกาสในการขายและการตลาดใหม่ๆ

      การรักษาลูกค้าเก่า

      การทำความเข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความภักดีของลูกค้า บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการเพื่อปรับปรุงการรักษาและลดการเลิกราของลูกค้าได้

      ช่วยในการทำการตลาดเฉพาะบุคคล

      ข้อมูล Customer 360 สามารถใช้เพื่อปรับปรุงการสื่อสารและทางการตลาด ให้ตรงตามพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มลูกค้า หรือการทำ Personalized marketing

      การใช้ Customer 360

      การใช้ Customer 360 อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างรอบด้าน ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ บริษัทสามารถได้รับมุมมองที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นของลูกค้า ซึ่งสามารถนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายและการตลาด การรักษาลูกค้าที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจที่ดีขึ้น

      ขั้นตอนแรกในการใช้ Customer 360 คือ การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าโปรแกรมนั้นสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยรวม และข้อมูลที่รวบรวมจะถูกใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายคือการปรับปรุงการรักษาลูกค้า โปรแกรมควรมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความภักดีของลูกค้า และระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรักษาลูกค้า

      เมื่อกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการระบุเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนกระบวนการทำงาน ซึ่งอาจรวมถึงแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล เครื่องมือวิเคราะห์ ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และระบบรวบรวมข้อมูลลูกค้า (CDP) สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเครื่องมือที่สามารถรวมเข้ากับระบบที่มีอยู่และสามารถจัดการข้อมูลปริมาณและความหลากหลายของข้อมูลที่จะรวบรวมได้

      การอบรมให้ความรู้ทีมที่ต้องผิดชอบข้อมูลถือเป็นส่วนสำคัญของการนำ Customer360 ไปใช้ ทีมนี้ควรรับผิดชอบในการรวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูล ตลอดจนการดำเนินการตามข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากข้อมูล ทีมควรมีบุคคลที่มีทักษะหลากหลาย รวมถึงนักวิเคราะห์ข้อมูล นักการตลาด และตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้า

      การใช้ Customer 360 อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่การใช้อย่างถูกต้อง จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจใดๆ ด้วยการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ระบุเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสร้างทีมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ธุรกิจต่างๆ จะได้รับความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับลูกค้าของตน ซึ่งสามารถใช้ในการปรับปรุงผลลัพธ์ทางธุรกิจได้

      สรุป

      Customer 360 นั้นจะช่วยรวบรวมข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์ม ที่ไม่ว่าคุณจะเก็บไว้ไหน ให้รวบรวมมาอยู่ในที่เดียว ไม่ว่าจะโดยการเลือกใช้ระบบ CDP หรือ CRM การเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การอัปโหลดข้อมูล หรือการใช้ API integration การสามารถทำได้ เพื่อง่ายและสะดวกต่อการนำข้อมูลวิเคราะห์ และใช้งานต่อไป

      โดยสรุป การใช้ Customer 360 อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจ ที่ต้องการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างรอบด้าน สามารถนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายและการตลาด การรักษาลูกค้าเก่า และประสิทธิภาพทางธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้น ด้วยการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ระบุเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม อย่างเช่น Connext X ระบบ CDP ที่ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลได้แบบ 360 องศา พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับทุกระบบ ให้ครบจบที่เดียว

      สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

      เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

      Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

        Yearly Budget

        How do you know us?

        5 ข้อดีของ Marketing Automation

        marketing automation benefits

        ระบบอัตโนมัติทางการตลาด (Marketing Automation) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถปฏิวัติวิธีการทำธุรกิจของคุณ การทำงานซ้ำๆ โดยอัตโนมัติและปรับปรุงคุณภาพของการทำการตลาด จะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลกำไรในที่สุด ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนทำความรู้จัก 5 ประโยชน์ของ Marketing Automation benefits ซึ่งช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้

        Top 5 advantages of Marketing Automation

        1. เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด (Efficiency)

        สิ่งแรกและสำคัญที่สุด ระบบอัตโนมัติทางการตลาดทำให้ทีมการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานได้ในขณะที่เพิ่มเวลาให้ทีมของคุณแทนที่จะโพสต์ด้วยตนเองบนโซเชียลมีเดียทุกวัน ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติสามารถทำให้กระบวนการนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ

        ซึ่งหมายความว่าทีมของคุณสามารถทำงานสร้างสรรค์ได้มากขึ้น เช่น การวางแผนและการระดมสมองสำหรับแคมเปญและโครงการที่กำลังจะมาถึง

        นอกจากนี้ การทำงานในแพลตฟอร์มการทำงานอัตโนมัติจะทำให้งานของทีมของคุณง่ายขึ้น พนักงานของคุณสามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดีย สร้างแคมเปญดูแลอีเมล โพสต์บล็อก หรือสร้างแลนดิ้งเพจได้ในซอฟต์แวร์เดียวกัน ในท้ายที่สุด สิ่งนี้จะช่วยทีมของคุณประหยัดเวลาเมื่อคุณสร้างแคมเปญ

        2. การจัดตำแหน่งการตลาดและการขาย (Marketing and sales alignment)

        หากคุณรวม Marketing effort และการตลาดอัตโนมัติโดยใช้ซอฟต์แวร์เดียวกัน คุณจะสามารถปรับเป้าหมายและความพยายามของบริษัทให้สอดคล้องกันได้

        โดยพื้นฐานแล้วมันจะทำให้กระบวนการเปลี่ยนจาก Normal Lead ทางการตลาดไปสู่ Quality Lead ที่มีคุณสมบัติในการขายนั้นง่ายขึ้นมาก

        ในความเป็นจริง ระบบอัตโนมัติทางการตลาดสามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตการขาย 14.5% และลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด 12.2%

        นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายและเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย ทีมการตลาดของคุณจะใช้เวลามากขึ้นในการวางแผนหาวิธีเพิ่มอัตรา Conversion ในขณะที่ทีมขายของคุณจะเพิ่มผลผลิต มันเป็น win-win

        3. เพิ่มอัตราการแปลง (Increase conversion rate)

        เมื่อพูดถึงการเพิ่มของ Conversion ระบบ Marketing Automation ยังสามารถทำให้ทีมของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติสามารถช่วยคุณเพิ่มอัตราของ Conversion และเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

        ซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติด้านการตลาดของคุณจะติดตาม Lead ของคุณและคุณสามารถใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้งที่ไม่ได้ทำ Conversion ซึ่งเป็นการเพิ่ม CRO ของคุณและเพื่อ Marketing Automation benefits ควรให้เวลาทีมของคุณมากขึ้นในการวิเคราะห์กลยุทธ์ทางการตลาดของคุณ

        4. การรายงานที่ถูกต้อง ( Accurate report)

        การรายงานการวิเคราะห์ของคุณอาจดูเหมือนเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่ด้วยแพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติทางการตลาด ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นคุณควรจะสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของคุณเพื่อสร้างรายงานอัตโนมัติได้ ทันใดนั้นงานที่ยุ่งยากก็ง่ายขึ้น ด้วยการรายงานที่แม่นยำและ real time คุณสามารถดูได้ว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ใด

        5. กลยุทธ์การตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized marketing strategy)

        เนื่องจากทีมของคุณใช้เวลามากขึ้นในการสร้างแทนที่จะป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติทางการตลาดจะช่วยให้พวกเขาสร้างเนื้อหาที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นผ่านความสามารถในการแบ่งส่วนและการรายงาน

        ด้วยระบบอัตโนมัติทางการตลาด คุณสามารถกำหนดเป้าหมายของคุณได้ในหลายช่องทาง คุณสามารถกำหนดเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย ด้วยโฆษณาบนการค้นหา หรือผ่านแคมเปญอีเมล

        ระบบการตลาดอัตโนมัติช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างไร?

        ระบบอัตโนมัติทางการตลาด (Marketing Automation benefits)จะเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณให้กลายเป็น ​Lead และเมื่อคุณรู้ว่าใครคือ Lead ของคุณ คุณสามารถแบ่งกลุ่มพวกเขาตามพฤติกรรมหรือลักษณะเฉพาะได้

        กระบวนการดูแลลูกค้าเป้าหมายทั้งหมดควรเป็นแบบ Personalization – มีคนอ่านโพสต์หรือไม่ วิธีนี้จะทำให้  Lead ของคุณได้รับ Personalized Marketing Message และคุณสามารถติดตามการมีส่วนร่วมของพวกเขาได้ และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้ต่อในอนาคต

        สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

        เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

        Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

          Yearly Budget

          How do you know us?

          Real Time Marketing คืออะไรและทำอย่างไร?

          What is Real-time marketing

          Real Time Marketing เป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์หรือแนวโน้มในปัจจุบัน ด้วยการติดตามข้อมูลล่าสุดและมีความเกี่ยวข้อง ธุรกิจต่าง ทำให้กับผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างทันทีและตามแสปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านได้รู้จักกับประโยชน์ของการตลาดแบบเรียลไทม์ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพในกลยุทธ์การตลาดของคุณ

          Real Time Marketing คืออะไร?

          Real Time Marketing เป็นอีกหนึ่งการสื่อสารทางการตลาดที่แบรนด์หรือสื่อ ผลิตออกมาตามกระแสของโลกปัจจุบัน ซึ่งการตามกระแสนั้นเป็นไปได้ทุกกระแสที่เกิดขึ้นว่าจะเป็น หนัง ข่าว เทรนด์บน Twitter, Facebook หรือ Tiktok หรือ ข่าวการเมือง การเลือกตั้ง ณ เวลานั้นๆ เป็นต้น

          real-time marketing คือ

          การตลาดแบบ Real Time สำคัญอย่างไร?

          การตลาดแบบ Real Time มีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับผู้ชมได้อย่างแท้จริงและมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างเนื้อหาที่โดนใจผู้ชมและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกด้วยการตามทันเหตุการณ์และเทรนด์ปัจจุบัน สิ่งนี้สามารถช่วยสร้างความไว้วางใจและความภักดีกับลูกค้า และนำไปสู่ยอดขายและรายได้ที่เพิ่มขึ้นในที่สุด นอกจากนี้การตลาดแบบเรียลไทม์ ยังช่วยให้การธุรกิจได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์ล่าสุดและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

          ข้อดี

          Smart Insight’s ได้กล่าวว่า 76% ของธุรกิจส่วนมาก อ้างว่าการตลาดแบบ Real Time ช่วยให้ยอด Audience engagement เพิ่มขึ้น และจากค้นคว้า ได้ค้นพบว่า มากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการได้รับการตอบสนองจากลูกค้าอย่างทันที่ ซึ่ง 85% ของแบรนด์ กล่าวว่า “พื้นฐานสำคัญในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ คือการมอบประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อลูกค้าตามพฤติกรรมแบบเรียลไทม์และในขณะนั้น”

          แม้ว่าการตลาดแบบ Real Time ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโซเชียลมีเดีย แต่ตัวอย่างที่เปิดเผยต่อสาธารณะและประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เนื้อหาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วส่งผลให้เข้าถึงได้ฟรีไม่รู้จบ สิ่งนี้ไม่ได้ลบล้างคุณค่าของการตลาดแบบเรียลไทม์อื่นๆ เช่น อีเมลหรือช่องทางอื่นๆ แต่สำหรับตัวอย่างเหล่านี้ เราจะดึงเอาความสำเร็จจากสาธารณะส่วนใหญ่มาใช้

          ข้อเสีย

          ข้อที่ควรระวังในการทำ Real Time Marketing  เนื่องด้วยการตลาดแบบเรียลไทม์ ต้องใช้ทั้งความเร็วและตามกระแสเป็นหลัก ธุรกิจหรือแบรนด์ควรคำนึงถึงเรื่องจรรยาบรรณในฐานะของสื่อ ลิขสิทธิ์ การเหยียด รวมถึงเนื้อหาอ่อนไหวง่าย เพราะกระแสหรือดราม่าเหล่านั้นสามารถส่งผลเสียต่อแบรนด์ได้

          3 ปัจจัยในการทำ Real Time Marketing

          การตลาดแบบ Real Time จำเป็นต้องติดตามเหตุการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอุตสาหกรรมของตนและอื่นๆ อยู่เสมอ ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดตามสื่อสังคมออนไลน์ สำนักข่าว และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อระบุเหตุการณ์หรือแนวโน้มที่เกี่ยวข้องได้แล้ว ธุรกิจต่างๆ จะสามารถสร้างเนื้อหาที่ทันท่วงทีและเกี่ยวข้องกับผู้ชมของตนได้ ซึ่งอาจรวมถึงโพสต์บนโซเชียลมีเดีย บทความในบล็อก วิดีโอ และอื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการตลาดตามเวลาจริงควรเป็นจริงและเกี่ยวข้องกับแบรนด์และผู้ชมของคุณ ดังนั้นอย่าลืมยึดมั่นในเสียงและค่านิยมของแบรนด์ของคุณ

          เดากระแสให้ออกและ เร็วยิ่งเร็ว ยิ่งดี

          เพราะหากคุณสามาถผลิตคอนเทนต์ ได้เร็วเท่าไหร่ก็ได้รับความนิยมเร็วกว่าคอนเทนต์อื่น และหากคอนเทนต์ไหนผลิตช้าก็เป็นได้แค่แบรนด์มี่ทำตาม

          สร้างสรรค์อย่างเหมาะสม และระวังประเด็นละเอียดละอ่อน

          การเลือกการะแสที่เหมาะสมจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรเกาะกระแสไปทุกเรื่อง อาจจะทำให้ผู้ติดตามรำคาญ และ Unlike หรือ Unfollow ไปก็ได้ และควรพิจารณาเนื้อหาของกระแสนั้น เพื่อให้ถูกกาลเทศะและควรหลีกเลี่ยงการเล่นกระแสที่อ่อนไหวเกินไหว

          สื่อสารให้ถูกต้อง และเชื่อมโยงกับแบรนด์

          ควรเลือกเนื้อหาที่แบรนด์สามารถเชื่อมโยงได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่ใช้วัดความสามารถของผลิตคอนเทนต์ที่จะสร้างสรรค์อย่างไรให้กระแสหรือเทรนด์สามารถรวมเข้ากับแบรนด์ได้อย่างกลมกลืน และง่ายต่อการเข้าใจของผู้ติดตาม

          Real time marketing ตัวอย่าง

          ตัวอย่างแคมเปญ การตลาดแบบ Real Time ที่ประสบความสำเร็จ

          ธุรกิจจำนวนมากใช้ การตลาดแบบเรีลไทม์ อย่างประสบความสำเร็จเพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และการมีส่วนร่วม ตัวอย่างหนึ่งคือแคมเปญ “Dunk in the Dark” ของ Oreo ในช่วงที่ Super Bowl ปี 2013 หยุดทำงาน แบรนด์ดังกล่าวทวีตภาพคุกกี้โอรีโอที่ชาญฉลาดอย่างรวดเร็วพร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่า “YOU CAN STILL DUNK IN THE DARK” ซึ่งกลายเป็นไวรัลและได้รับความสนใจจากสื่ออย่างกว้างขวาง อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ALS Ice Bucket Challenge ซึ่งเป็นแคมเปญบนโซเชียลมีเดียในปี 2014 และระดมเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อการวิจัย ALS ธุรกิจจำนวนมากรวมถึงคนดังและนักการเมืองเข้าร่วมในความท้าทายและช่วยเผยแพร่การรับรู้ถึงสาเหตุ แคมเปญเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการตลาดตามเวลาจริงเมื่อทำอย่างถูกต้อง

          การวัดความสำเร็จของความพยายามทางการตลาดตามเวลาจริงของคุณ

          สิ่งสำคัญคือต้องวัดความสำเร็จของความพยายามทางการตลาดตามเวลาจริงของคุณ เพื่อพิจารณาว่ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ วิธีหนึ่งในการวัดความสำเร็จคือการวัดการมีส่วนร่วม เช่น การถูกใจ การแชร์ และความคิดเห็นบนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย คุณยังสามารถติดตามการเข้าชมเว็บไซต์และการขายระหว่างและหลังแคมเปญการตลาดตามเวลาจริงเพื่อดูว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ นอกจากนี้ การตรวจสอบการกล่าวถึงแบรนด์และความรู้สึกบนโซเชียลมีเดียยังช่วยให้คุณทราบได้ว่าผู้ชมของคุณได้รับการตอบรับจากแคมเปญของคุณอย่างไร ใช้เมตริกเหล่านี้เพื่อปรับและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดตามเวลาจริงของคุณเพื่อความสำเร็จที่มากขึ้นในอนาคต

          สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

          เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

          Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

            Yearly Budget

            How do you know us?