Category Archives: other

ระวัง 3 สิ่งนี้! ก่อน Marketing Automation จะทำร้ายลูกค้า

การตลาดออนไลน์ในยุคนี้สามารถทำได้ง่ายมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากมีแพลตฟอร์มและเครื่องมือมากมายที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกกับธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือการใช้ Marketing Automation ที่สามารถทำการตลาดได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Lead Scoring จัดกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ส่งโปรโมชันและประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการบริการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า ฯลฯ ทั้งหมดล้วนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด

แม้จะมีข้อดีและประโยชน์มากขนาดนี้ แต่หากใช้งาน Marketing Automation อย่างไม่ระมัดระวังก็อาจจะเป็นการทำร้ายลูกค้าแทน ทั้งด้านความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้จากแบรนด์ สงสัยแล้วใช่ไหมว่า ข้อควรระวังของ Marketing Automation มีอะไรบ้าง? ตาม Connect X มาดูคำตอบกัน! ซึ่งอย่างแรก มาดูข้อดีของ Marketing Automation กันเลย

ข้อดีที่ทำให้ใครๆ ต่างใช้ Marketing Automation

Marketing Automation หรือ “ระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ” ก็คือแพลตฟอร์มหรือซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งฟังก์ชันและฟีเจอร์นับไม่ถ้วน แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการตลาดด้านต่างๆ อาทิ

  • การเข้าถึง Potential Customer
  • การเก็บข้อมูลของลูกค้าและสร้างฐานข้อมูลให้กับธุรกิจ
  • ช่วยบริหารความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ซึ่งมักมาพร้อมกับระบบ CRM
  • สร้างและส่งแคมเปญการตลาด เช่น Email Marketing, SMS, Web Push Notification รวมไปถึงการโฆษณาบนสื่อ Social Media ยอดฮิตต่างๆ
  • ช่วย Save Cost ทั้งด้านเงินลงทุนและเวลาในการสร้างแคมเปญการตลาดให้ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ระบบ AI ที่ทำงานแบบอัตโนมัติยังช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนอย่างการสร้าง Report การ Tracking ไปจนถึงการตอบกลับแชทข้อความของลูกค้า จึงสามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human Error) ได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วใช่ไหมว่าระบบ Marketing Automation นั้นเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากแค่ไหน โดยเฉพาะธุรกิจใหม่หรือ SME ที่มีงบประมาณไม่มาก ก็สามารถใช้ระบบการตลาดแบบอัตโนมัตินี้อัปเกรดตัวเองได้ให้แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดได้

คราวนี้มาศึกษาข้อควรระวังต่างๆ กันเลย

3 ข้อควรระวังของ Marketing Automation

ก่อนที่ระบบ Marketing Automation จะช่วยแบรนด์ได้ดีอย่างที่กล่าวไปข้างต้น แต่ในหลายๆ กรณีก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นจากการใช้งาน ทำให้แบรนด์ต้องปวดหัวกับการหาโซลูชัน

ยกตัวอย่างเช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติไม่สามารถตอบคำถามของลูกค้าได้จริงๆ ทำให้แอดมินต้องมาตอบเอง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน หรือการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่กลับไม่มี Lead กลับเข้ามา เพราะแคมเปญนั้นๆ ไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และปัญหาร้อยแปดที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายแล้วหลายๆ แบรนด์ไล่ตามการทำ Marketing Automation เพื่อหวังทำกำไร แต่กลับกลายเป็นว่าได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ซึ่งมี 3 ข้อควรระวังในการใช้งานระบบการตลาดแบบอัตโนมัติดังนี้

1. ไม่ทำความเข้าใจผู้บริโภคก่อนเริ่มทำแคมเปญ

ความสะดวกสบายในการทำงาน คือ สิ่งที่ธุรกิจส่วนมากต้องการจาก Marketing Automation เพื่อลดภาระของตัวผู้ประกอบการที่ต้องดูแลในส่วนอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ตัว Marketing Automation นั้นเป็นเพียงแค่ “ระบบ” เท่านั้น จึงไม่ได้เข้าใจว่าผู้บริโภคตอนนั้นอยากได้อะไร เช่น เวลามีปัญหาร้ายแรงหรือเร่งด่วน ลูกค้าก็อยากคุยกับคนที่เข้าใจถึงปัญหามากกว่า ดังนั้นการจะทำ Marketing Automation ให้มีประสิทธิภาพ คือการทำความเข้าใจ Customer Journey ของลูกค้าเสียก่อน เพื่อที่จะออกแบบการใช้งาน Marketing Automation ให้ถูกต้องและแม่นยำ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้นั่นเอง

2. แบรนด์พึ่งพาระบบ Marketing Automation มากเกินไป

การปล่อยให้ระบบ Marketing Automation ดูแลลูกค้าของเราหรือทำการตลาดแทนคนมากเกินไป มักเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้หลายๆ แบรนด์เคยสะดุดมาแล้ว เพราะแทนที่จะช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายขึ้นกลับทำให้ลำบากแทน เช่น มีการส่งโปรโมชันที่ลูกค้าคนนั้นๆ ไม่ได้สนใจ ระบบ AI ตอบแชทที่เป็นคำถามซับซ้อนไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งต้องขอบอกว่า Marketing Automation ในปัจจุบันยังไม่มีความฉลาดหรือมีสัญชาตญาณที่เข้าใจมนุษย์ขึ้นมา ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เหมือนกับมนุษย์เรา ดังนั้นก่อนที่จะนำระบบนี้เข้ามาช่วยในการทำการตลาด แบรนด์ต้องมีการวางแผนในจุดต่างๆ ให้รอบคอบก่อน พร้อมทดสอบการใช้งานก่อนนำไปใช้จริง

3.  ข้อมูล (Data) ที่มียังน้อยไป

เข้าใจว่าเจ้าของแบรนด์ต่างต้องการให้ Marketing Automation ทำงานที่ซ้ำซ้อนแทน เช่น การยิงโฆษณาหรือแคมเปญการตลาด แต่บ่อยครั้งที่ธุรกิจมี “ข้อมูล” น้อยเกินไป ส่งผลให้กิจกรรมทางตลาดไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงดูดลูกค้า ระบบเรียนรู้ได้อย่างจำกัดและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าไม่ได้ ทำให้เจ้าของแบรนด์มักเข้าใจผิดว่าระบบหรือแพลตฟอร์มที่ใช้นั้นไม่มีคุณภาพ ซึ่งแบรนด์และนักการตลาดต้องกลับมาย้อนดูว่า Data ของตัวเองนั้นมีใช้อย่างเพียงพอหรือไม่ Data ดังกล่าวนั้นถูกหรือไม่ เตรียมป้อน Data ทุกอย่างให้ระบบหรือยัง เพื่อทำให้ระบบสามารถต่อยอดและแสดงประสิทธิภาพให้ได้อย่างเต็มที่

ทั้ง 3 ข้อควรระวังของ Marketing Automation นี้เป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์และนักการตลาดต้องทบทวนเสมอ ก่อนที่จะจำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานกับธุรกิจ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าแบรนด์จะสามารถสร้างแคมเปญการตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กระตุ้นการขาย และเพิ่มกำไรให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างปัจจุบันได้

แล้วผู้ให้บริการระบบ Marketing Automation เก่งๆ มีใครบ้าง? ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะ Connect X นั้นเป็น Marketing Platform ที่มาพร้อมกับ CDP (Customer Data Platform) ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศาและระบบ Marketing Automation ที่มี AI แสนฉลาด สามารถเรียนรู้และรู้ใจลูกค้าได้ง่ายๆ ประกอบกับเครื่องมือสื่อสารการตลาดแบบ Real-Time ช่วยเพิ่มยอดขายกับธุรกิจอย่างรวดเร็วทันใจ หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

ข้อดีของโปรแกรม CDP และ CRM และบริษัทควรเลือกใช้อันนี้ดี

เรามาดูข้อดีของโปรแกรม CDP และ CRM กันดีกว่าว่าบริษัทของเรานั้นเหมาะกับโปรแกรมไหนมากกว่ากัน

Customer data platform (CDP) และ Customer relationship management (CRM)

ทั้งสองอย่างนี้มักจะทำให้คนนั้นสับสนอยู่เสมอ เนื่องจากทั้งสองแพลตฟอร์มจัดเก็บบันทึกข้อมูลของลูกค้าเหมือนกัน และทำให้ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงแล้ว แพลตฟอร์มทั้งสองตัวนี้ มีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันอยู่มาก ในบทความนี้จะนำเพื่อนๆไปดูความแตกต่างระหว่าง CDP และ CRM ว่าแพลตฟอร์มไหนกันแน่ที่เหมาะกับองค์กรหรือบริษัทของเรา

CRM ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นเครื่องมือ B2B เพื่อช่วยให้ทีมได้ลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าที่มีอยู่โดยทำให้ง่ายต่อการจัดการการและโต้ตอบส่วนตัวกับลูกค้าโดยตรง เนื่องจากหน้าที่หลักของเซลล์และทีมบริการหลังการขายมีบทบาทในการติดต่อกับลูกค้าโดยตรงโปรแกรม CRM จะมาช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ แต่สุดท้ายแล้วข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยู่ใน CRM จะต้องถูก Import แบบ Manual

ในทางกลับกัน แรกเริ่มเดิมทีนั้น CDP ได้รับการพัฒนาเพื่อเติมเต็มความต้องการของบริษัท B2C ที่ต้องการระบบที่คล้ายคลึงกับ CRM และมีระบบ Automation ที่สามารถช่วยในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการค้าปลีกได้รับประโยชน์จาก CDP เป็นอย่างมากเนื่องจากระบบ CDP สามารถรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติและสร้างโปรไฟล์ลูกค้า มากไปกว่านั้นยังสามารถจัดการแบ่งแยก Segment ของลูกค้าเพื่อให้ง่ายต่อการทำ Automation

https://www.mparticle.com/blog/cdp-vs-crm/

แล้ว CDP กับ CRM อันไหนเหมาะกับองค์กรของเรามากกว่ากันนะ ?

CRM จะบอกได้ถึงประวัติการซื้อขายและการติดต่อกับทีม Sale ส่วน CDP นั้นจะเก็บข้อมูลตั้งแต่เมื่อลูกค้าคลิกเข้ามาดูสินค้า ว่ามาจากช่องทางไหน เห็นสินค้าจากโฆษณาอะไร ลูกค้าคลิกเข้ามาดูสินค้ารึเปล่า ทำให้เกิดข้อมูลเชิงลึกมากกว่าครับ

หลายบริษัทมักจะเริ่มต้นด้วย CRM ก่อนที่จะคิดได้ว่าในบางครั้ง CRM ไม่สามารถที่จะเก็บข้อมูลแบบ realtime ได้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าได้มีการคลิ๊กเข้ามาดูที่หน้าเว็บและมีการกด Subscribe กรอกข้อมูลลงทะเบียนไว้บนหน้าเว็บแต่ท้ายที่สุดลูกค้ากดซื้อสินค้าบนโซเชียลมีเดียแทนที่บนหน้าเว็บไซต์ระบบ CDP จะเก็บข้อมูลทุกอย่างแบบอัตโนมัติเห็น Customer journey พฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ CRM ยังไม่สนับสนุนการตลาดแบบเรียลไทม์ แต่อันที่จริงแล้วบริษัทสามารถที่จะมี ทั้งระบบ CRM และ CDP ได้ไม่แปลก

https://www.insiderintelligence.com/chart/255511/which-marketing-solutions-do-marketing-professionals-worldwide-plan-invest-most-2022-of-respondents

สรุป

ไม่ว่าองค์กรของท่านจะใช้ซอฟแวร์ CDP หรือ CRM ทั้งสองโปรแกรมนี้ล้วนแล้วดีทั้งสิ้นอยู่ที่ว่าองค์กรของเรา งานของเรา หรือทีมของเราเหมาะกับโปรแกรมไหนมากกว่ากัน ถ้าท่านใดสนใจต้องการอ่านเรื่อง CRM และ CDP เพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลย

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

มาทำ Personalized Marketing เอาใจลูกค้าอย่างตรงจุดในยุค Digital Transformation กันดีกว่า!

Personalized Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีมานาน แต่ในยุคแห่งดิจิทัลนี้ แบรนด์จะเอาใจลูกค้าได้อย่างไร? มาทราบคำตอบกับ Connect X

เคยไหม? เวลาท่านกำลังจะไปสั่งข้าวที่ร้านประจำ แต่ยังไม่ทันจะบอกเมนู แม่ครัวก็รู้ได้ทันทีว่าท่านชอบสั่งอะไรกินเพียงแค่ได้เห็นหน้า ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษและอยากมากินข้าวร้านนี้บ่อยๆ เหตุการณ์แบบนี้ก็คล้ายกับการตลาดแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Marketing ซึ่งกลยุทธ์การตลาดที่มีมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในยุคแห่ง Digital Transformation นี้ ก็ต้องอาศัยวิธีการ ช่องทางและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แต่ต้องทำอย่างไรบ้าง?

Personalized Marketing คืออะไร?

กลยุทธ์การตลาดแบบ “Personalized Marketing” หรือบางท่านอาจเรียกว่า “Personalization” คือการตลาดโดยสร้างข้อความ แคมเปญ หรือโปรโมชันที่เฉพาะเจาะจงไปยังบุคคลหรือผู้บริโภคที่มีความสนใจคล้ายๆ กัน เพื่อที่ลูกค้าจะได้ความรู้สึกเป็นคนพิเศษ ได้ประสบการณ์ที่ดี และกลับมาซื้อสินค้า/บริการของแบรนด์ซ้ำอีกนั่นเอง

ปัจจุบันนี้ นักการตลาดต่างก็นำเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เพื่อเก็บและวิเคราะห์ Data เกี่ยวกับความชอบ พฤติกรรม และความสนใจของผู้บริโภค ส่งผลให้สามารถนำเสนอคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและทำโฆษณาให้ตรงใจ  ซึ่ง Marketing Technology (MarTech) ก็ได้มีการพัฒนาเพื่อช่วยนักการตลาดในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ CRM, AI (Machine Learning), Marketing Automation หรือแม้แต่การเก็บ Cookies ตามเว็บไซต์และแอปฯ ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการทำ Hyper-Personalized Marketing โดยการนำ Big Data มาวิเคราะห์ พฤติกรรมการบริโภค เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย

ทำไมแบรนด์ควรทำ Personalized Marketing?

เพราะลูกค้าในยุคใหม่ต้องการ “ความไว” พร้อมกับ “ความใส่ใจ” ในทุกที่ทุกเวลา หรือจะเรียกว่าเป็นแบบ Real Time ก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นการนำเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มยุคใหม่เข้ามาทำ Personalized Marketing จะสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้ายุค Digital Transformation ได้ อีกทั้งทาง PR Newswire ยังเผยว่า 80% ของผู้บริโภค ชื่นชอบแบรนด์ที่สามารถมอบประสบการณ์ได้แบบตรงใจ และสนองความต้องการได้

นอกจากนี้แบรนด์ยังได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆ ด้วย เช่น

  • เสริมประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง SMS, Email, เว็บไซต์ หรือสื่อโซเชียลต่างๆ
  • สร้างยอดขาย มีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า/บริการมากขึ้น เพิ่ม Conversion Rate ได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้เครื่องมือ Marketing Automation อย่างถูกต้อง และจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จาก Omni-Channel 
  • เสริมความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)ในยุคนี้ “ข้อมูล” ถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อแบรนด์มอบประสบการณ์ที่ดี ลูกค้าก็ย่อมยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูล เพื่อใช้พัฒนาการตลาดต่อไปให้ดีขึ้นได้ และเมื่อบริการลูกค้าได้ถูกใจมากขึ้น ความภักดีต่อแบรนด์ก็จะยิ่งสูงขึ้น อีกทั้งสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้ในระยะยาวอีกด้วย
  • ตอบโจทย์ได้ในหลายแพลตฟอร์ม สามารถเชื่อมโยงแพลตฟอร์มในการทำการตลาดออนไลน์ได้หลากหลายช่องทาง เช่น Email Marketing, SMS Marketing, LINE, Facebook หรือ เว็บไซต์ E-Commerce ก็ทำได้

สุดยอดเครื่องมือในการทำ Personalized Marketing

ช่องทางยอดนิยมในการทำ Personalized Marketing คงหนีไม่พ้น SMS และ Email ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแน่นอน เช่น การส่ง Newsletter โปรโมชันพิเศษ หรือข่าวประชาสัมพันธ์จากแบรนด์ ซึ่ง Connect X คือ CDP (Customer Data Platform) เจ้าแรกในไทยที่มี Marketing Automation ครบวงจร และสามารถสร้างแคมเปญ Personalized Marketing ได้อย่างลื่นไหล

Connect X สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้แบบ Customer Single view 360° ผ่านการเชื่อมต่อ API ต่างๆ ควบคู่ไปกับระบบ AI สุดล้ำ ไม่ว่าจะส่งแคมเปญผ่าน SMS หรือ Email ก็ทำได้ และหากลูกค้ายังไม่สนใจ Marketing Automation ก็จะเปลี่ยนช่องทางส่งแบบ Cross Channel ไปยัง LINE, Facebook Messenger หรือช่องทางที่แบรนด์กำหนดได้

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

ข้อดีของระบบ Customer Data Platform (CDP) ที่จะช่วยเพิ่มการทำไรมากยิ่งขึ้น

สวัสดีทุกๆคนที่กำลังอ่านบทความนี้ค่ะ เริ่มแรกเลยเรามาย้อนกันสักนิดแบบสั้นๆว่า CDP คืออะไรกันก่อนเลย

Customer Data Platform หรือ CDP เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าให้มาอยู่ในที่ที่เดียว เป็นโซลูชันที่ใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งมีหน้าที่หลักๆก็คือช่วยในการรวมข้อมูลประเภทต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลประชากร พฤติกรรม และการโต้ตอบกับธุรกิจของเราไม่ว่าลูกค้าจะสื่อสารมาจากช่องทางไหนตัว CDP ก็จะเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ได้ทั้งหมดถึงแม้ว่าจะเป็น Unknown customer ก็ตาม มากไปกว่านั้นตัว CDP ยังช่วยให้เราสามารถสร้างโปรไฟล์ลูกค้าของแต่ละคนเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์เจาะลึกเพื่อนำไปทำ Personalized marketing ได้อีกด้วย

ต่อไปทางทีมงาน ConnectX จะพาไปดู 3 ข้อดีของระบบ CDP ที่จะช่วยให้เราสามารถทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น

The benefits of using a Customer Data Platform CDP

1.สามารถรวบรวมจัดเก็บข้อมูลจากทุกแหล่งมาไว้ในที่ที่เดียว

อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่า CDP เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าให้มาอยู่ในที่ที่เดียว เนื่องจาก Painpoint ในหลายๆครั้งที่ทาง ConnectX ของเราเจอก็คือ บริษัทต่างๆ มักประสบปัญหาในการรวมและใช้ข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่อยู่บนโลกออนไลน์และลูกค้าได้มีการนำเข้าข้อมูลมาจากแหล่งต่างกัน นั่นจึงทำให้ข้อมูลที่จะนำเอามาใช้เกิดข้อผิดพลาดบ้าง มีการตกหล่นของข้อมูลบ้างเลยทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้ประสิทธิภาพ 100% ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ทำแคมเปญหรือทำการตลาดก็อาจที่จะผิดเพี้ยนไปได้ ไม่ตรงจุดที่ลูกค้าต้องการ และมากไปกว่านั้นไม่ใช่แค่ช่องทางออนไลน์ที่ CDP สามารถเก็บข้อมูลได้ ตัว CDP สามารถที่จะต่อ API เข้ามาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจาก Offline มาอยู่บน CDP ได้อีกด้วย

2.รายได้เพิ่มขึ้น

หลายคนอาจจะถามว่าใช้ CDP แล้วรายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร

ทางทีมงานขออธิบายว่า รายได้เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้นและการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น การนำข้อมูลจากทุกแหล่งมาใช้และแม่นยำจึงทำให้องค์กรสามารถดูลูกค้าได้ถูกต้องและทั่วถึง ดังนั้นโอกาสในการทำการตลาดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็จะทำให้การตลาดหรือแคปเปญที่เราส่งออกไปนั้นมีประสิทธิภาพทำให้เกิดการอยากซื้อ หรือ ใช้บริการ ส่งผลให้เกิดการจดจำแบรนด์ว่ารู้ใจเราและการมีส่วนร่วมของลูกค้าเพิ่มขึ้น

3.ช่วยประหยัดเวลามากขึ้นจากระบบ Marketing Automation

การใช้ระบบ Marketing automation ในตัว CDP นั้นสามารถช่วยให้นักการตลาดประหยัดเวลาได้มากยิ่งขึ้นและมีเวลาที่จะไปคิดหรือทำอย่างอื่นต่อ

เนื่องจากระบบ Marketing automation จะใช้เวลาในการตั้งค่ากระบวนการภายในไม่กี่นาทีเราก็สามารถที่จะส่งข้อความหรือแคมเปญด้านการตลาดไปหาลูกค้าหรือผู้บริโภคได้หลักหมื่นคน จากในภาพเราจะเห็นได้ว่ามีให้เลือกทั้ง Sms, E-mail, Facebook messenger และ Line OA ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องการที่จะส่งข้อมูลหรือข้อความไปหาลูกค้าผ่านช่องทางไหน ในส่วนของ Flow Control หมายความว่า เราจะต้องกำหนดเงื่อนไขให้กับตัว Marketing automation ของเรายกตัวอย่างเช่น เราต้องการส่ง SMS ไปหาลูกค้า 200 คน และเราต้องการรอจนถึงเดือนหน้าค่อยส่ง Line OA ตามไปอีกครั้ง เราก็สามารถที่จะลากตัว Wait until เพื่อให้ระบบรอจนถึงเดือนหน้าและส่ง Line OA ไปในเดือนถัดไปได้นั่นเอง ทั้งหมดเราจะขอเรียกกระบวนการนี้ว่า Marketing automation journey 

ซึ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากอ่านบทความ Marketing Automation แบบเต็มสามารถตามไปได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ https://connect-x.tech/marketing-automation-2/

สรุป

ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วหมายความว่าองค์กรต่างๆต้องเผชิญกับการจัดระเบียบข้อมูลตามอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นที่กำลังเข้ามาในขณะเดียวกันลูกค้าก็รู้ว่ามีการแข่งขันกันมากขึ้นกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจอยู่ ดังนั้นลูกค้าจึงคาดหวังว่าบริษัทต่างๆจะรู้ใจตัวเองมากยิ่งขึ้นในการที่จะส่งแต่ละแคมเปญมาหาลูกค้า

ข้อมูลลูกค้าที่ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้องจะกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมากและข้อมูลทั้งหมดที่เราต้องการก็เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคนั่นเอง

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

4 ข้อดีของการใช้ Marketing Automation

ทีมงาน ConnectX จะพาทุกๆท่านมาดูข้อดีของระบบ Marketing Automation ว่าจะสามารถช่วยให้เราสะดวกขึ้นได้อย่างไร

ทางทีมงาน ConnectX จะพาเพื่อนๆไปดู 4 ข้อดีของการใช้ Marketing automation เมื่อนำมาช่วยในการทำงานว่ามีประโยชน์อย่างไร

1. Email Automation

การตลาดทางอีเมล (Email Marketing) เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการหาลูกค้าหรือส่ง automation กลับไปหาลูกค้าเก่าเพื่อทำ Loyalty program แม้ตัวของ Email marketing จะค่อนข้างเก่าแต่ก็ยังได้ผลดีเสมอจนถึงยุคปัจจุบัน

หลายบริษัทได้นำระบบอีเมลอัตโนมัติ (Email Automation) เพื่อใช้ในการส่งแบบ Personalized, การส่งจำนวนทีละมากๆ และการตั้งเวลาส่งอีเมลล่วงหน้า โดยเราสามารถตั้งค่าตัว Email automation ได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก ก็สามารถส่งไปหาลูกค้าหลักหมื่นหลักแสนคนได้

นี่คือข้อดีของซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติด้านการตลาดผ่านอีเมล (Email Automation) เครื่องมือที่ดีจะช่วยให้เราสามารถแบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลลูกค้าเพื่อทำให้แคมเปญอีเมลเป็นแบบส่วนตัว (Personalized)

2. ช่วยให้ ROI สูงขึ้น

Marketing automation จะช่วยให้ ROI สูงขึ้นได้ เนื่องจากหลายๆอย่างจะถูกทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การแบ่ง segmentation ลูกค้าเพื่อทำ automation, การช่วยให้ประหยัดเวลาในการส่งอีเมลในจำนวนครั้งที่มากๆ หรือแม้กระทั่ง การสร้าง Loyalty ผ่านระบบ Automation

https://keap.com/business-success-blog/marketing/automation/9-marketing-automation-benefits-that-could-help-your-business

3. ข้อมูลและการช่วยวิเคราะห์ที่ตรงและแม่นยำ

รู้หรือไม่ว่า Marketing automation นั้นไม่ใช่การส่งแคมเปญทางการตลาดออกไปเพียงเท่านั้นแต่ยังสามารถ ติดตามข้อมูลที่เราส่งออกไปได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราใช้ระบบ Automation เพื่อที่จะต้องการทำ Email marketing ส่งไปหาหยั่งลูกค้าเราสามารถติดตามดูได้ว่า Email ที่เราส่งไปนั้นลูกค้ามีการตอบโต้กลับแบบไหนบ้าง เช่น ไม่เปิดอ่าน, เปิดอ่านแต่ไม่มีการคลิ๊กหรือใช้ส่วนลด , เปิดอ่านใช้และใช้โค้ดส่วนลดที่แนบไป เป็นต้น

4. การตลาดแบบรู้ใจส่วนบุคคล หรือที่เราเรียกกันอีกอย่างว่า Personalized marketing

ธุรกิจส่วนใหญ่เผชิญกับความท้าทายที่ไม่สามารถเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมหรือผู้ที่สนใจซื้อให้เป็นลูกค้าได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการทำการตลาดอัตโนมัติ (Marketing automation) นั่นก็คือการใช้ประโยชน์จากการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized marketing) เนื่องจากบริษัทหรือทีมของคุณจะใช้เวลากับงานซ้ำๆ น้อยลง จึงสามารถที่จะสร้างการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) ที่กำหนดเองผ่านเนื้อหาส่วนบุคคลได้

Marketing automation ยังสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากเนื้อหาส่วนบุคคลได้ (Personalized marketing) เช่น อีเมลไหนที่ได้รับการคลิกมากที่สุด โพสต์บนโซเชียลมีเดียไหนที่มีส่วนร่วมมากที่สุด และหากเปลี่ยนเป็นการเข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลเชิงลึกที่เก็บรวบรวมเข้ามาจะสามารถช่วยปรับปรุงให้ตรงกับลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้นอย่างไร

https://learn.g2.com/benefits-of-marketing-automation
30% of sales-related activities can be easily automated with today’s technology.
Source: McKinsey & Company

ทิ้งท้าย

หลังจากที่เพื่อนๆได้อ่านบทความเกี่ยวกับข้อดีของ Marketing automation แล้วทางทีมงาน ConnectX หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังตัดสินใจและพิจราณาอยู่ว่าบริษัทหรือองกรณ์ของเราจำเป็นต้องมีและใช้ Marketing automation หรือไม่

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

สร้าง Brand Loyalty ให้ลูกค้าประทับใจด้วย Email Marketing

Connect X พามาทำความรู้จักการตลาดแบบ Email Marketing พร้อมแนะนำเทคนิคการสร้างแคมเปญการตลาดด้วยอีเมล เพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจจนเกิดเป็นความภักดีต่อแบรนด์หรือ Brand Loyalty

“Brand Loyalty” หรือ “ความภักดีต่อแบรนด์” เป็นสิ่งสำคัญในการตลาดยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคา และค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นความภักดีต่อแบรนด์ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเพิ่มยอดขายในระยะยาวและทำให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งกลยุทธ์การตลาดที่สามารถช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์นั้นมีหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไปคือ Email Marketing ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง ในด้านการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า หรือ Customer Relationship Management​ (CRM) เป็นอย่างมาก และยังสามารถต่อยอดหรือผสานกับกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบอื่นได้อย่างง่ายดาย

วันนี้ Connect X จะพาไปรู้จักกับ Email Marketing ให้รอบด้าน พร้อมประโยชน์และเทคนิคในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจและทำให้ลูกค้าของคุณเกิดความรู้สึกภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย

Email Marketing คืออะไร?

การตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งโดยใช้ “อีเมล” เป็นช่องทางในการสื่อสาร ซึ่งสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด โดยจะเน้นการส่งข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์แบรนด์ แนะนำสินค้าและโปรโมชัน หรือการเพิ่มยอด Engagement สู่เว็บไซต์หรือช่องทางการขายหลักของร้านได้ เพื่อจุดประสงค์ในการกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้ง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้า

การตลาดแบบ Email Marketing หรือ Email Marketing Ecommerce สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้แทบทุกรูปแบบ และสามารถปรับแต่งรายละเอียดได้ว่าต้องการส่งให้กับฐานลูกค้ากลุ่มใด ตลอดจนสามารถสร้างความรู้สึกประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการส่งข้อความแบบ Personalized เพื่อแสดงความใส่ใจต่อลูกค้าเป็นรายบุคคลได้อีกด้วย

ประโยชน์ของ Email Marketing ได้แก่

  • ส่งอีเมลถึงผู้รับซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ 100%
  • สามารถส่งซ้ำ (Auto Resend) ได้มากตามความต้องการอย่างไม่จำกัด
  • สามารถแนบลิงก์และรูปภาพ เพื่อสร้างความดึงดูดและการเชิญชวนไปสู่เว็บไซต์หรือช่องทางการขายหลักได้
  • สามารถติดตามการส่งอีเมลในแต่ละครั้งว่าผู้รับและมีการเปิดอ่านหรือไม่ และจัดเก็บข้อมูลเชิงสถิติ
  • เพื่อแสดงความใส่ใจและมอบสิทธิพิเศษแบบรายบุคคล
  • ทำงานร่วมกันกับระบบอื่นๆ อย่าง Marketing Automation และ CDP (Customer Data Platform) ได้
  • ผสานกับรูปแบบการตลาดอื่นๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น SMS Marketing, Social Media Marketing หรือ Omnichannel Marketing เป็นต้น
  • ช่วยสร้างประสบการณ์ Customer Journey ที่ดีให้กับลูกค้าในโอกาสพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด และเทศกาลสำคัญต่างๆ
  • ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าเอาไว้ได้อย่างยั่งยืน

6 Email Marketing Campaign ที่ธุรกิจไม่ควรพลาด

การมีเครื่องมือทางการตลาดที่ดีอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน หากอีเมลที่ส่งไปยังมีหัวข้อหรือเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจมากพอ ก็อาจทำให้อีเมลนั้นๆ ถูกมองข้ามไป และหากส่งไปไม่ถูกที่และถูกเวลาก็อาจทำให้ไม่มีประสิทธิภาพได้เท่าที่ควร มาดูกันว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้างที่น่าสนใจ น่านำไปใช้งาน

  • Welcome Email หรืออีเมลต้อนรับหลังจากลูกค้าได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกใหม่ จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีกับลูกค้าใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น
  • Notification Email การแจ้งเตือนในกระบวนการซื้อ-ขายในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น การยืนยันคำสั่งซื้อ การติดตามพัสดุระหว่างการขนส่ง การแจ้งเตือนให้กลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง และการแจ้งเตือนให้ซื้อสินค้าที่ถูกเลือกไว้ในตะกร้า เป็นต้น
  • Newsletter and New Release Product Email ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ การนำเสนอสินค้าใหม่ และเชิญชวนร่วมกิจกรรมพิเศษ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์ มีการปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และนำไปสู่ความผูกพันและภักดีต่อแบรนด์ได้
  • Special Day Email ส่งข้อความพิเศษพร้อมระบุชื่อลูกค้าเป็นรายบุคคล ช่วยสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น วันเกิด และเทศกาลสำคัญต่างๆ
  • Exclusive Email ส่งข้อความโปรโมชันเด็ดๆ หรือสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล จะช่วยสร้างความรู้สึกที่มีคุณค่าและเป็นคนพิเศษต่อแบรนด์ จนอยากกลับมาซื้อสินค้าซ้ำๆ ได้
  • Customer Service Email แนะนำการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเพิ่งซื้อไป หรือติดตามความพึงพอใจต่อสินค้า แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าแต่ละคน

จากที่ Connect X ได้พาไปรู้จักกับ Email Marketing กันแล้ว จะเห็นได้ว่าการตลาดรูปแบบนี้ มีความคุ้มค่าและสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า และนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างดี อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกันกับการตลาดรูปแบบอื่นๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้เครื่องมือที่ดีอย่าง Marketing Platform จาก Connect X ไปช่วยธุรกิจของคุณ จะทำให้การทำการตลาดในทุกรูปแบบมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเป็น CDP (Customer Data Platform) ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุม และระบบ Marketing Automation ช่วยให้การทำ Email Marketing กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ได้เพียงปลายนิ้ว

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

E-Mail Marketing ยังมีความจำเป็นอยู่ไหมในยุคปัจจุบัน ?

ConnectX จะพาทุกท่านไปความรู้จักกับ Email-Marketing (EDM) ว่ามีประโยชน์อย่างไรและในปัจจุบันนั้นการตลาดผ่านอีเมลจะช่วยยกระดับของแบรนด์ได้อย่างไร

อย่างแรกเลยขอเกริ่นกันที่ตัวอีเมล์ก่อนที่ใครๆก็รู้จัก อีเมลนั้นไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่แต่อย่างใด อันที่จริงอีเมลเป็นหนึ่งในวิธีการแรกสุดของการสื่อสารดิจิทัลตั้งแต่ปี 1971 แต่อีเมล์กลับถูกใช้มาจนถึงปัจจุบันในขณะที่บางโซเชียลมีเดียนั้นไม่สามารถที่จะไปต่อได้

การตลาดทางอีเมลเป็นช่องทางการตลาดทางตรงที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ใหม่ การขาย โปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดกับโปรโมชั่นเด็ดๆ หรือสินค้าดีดีจากทางแบรนด์และมากไปกว่านั้นยังเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าว่าแบรนด์นั้นสนใจลูกค้าไม่ได้ซื้อแล้วจบกันไป

เทรนด์การตลาดผ่านอีเมลในปัจจุบันนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงจากที่เน้นการส่งจดหมายจำนวนมากในทีเดียวเป็นการจำแนกกลุ่มลูกค้า(Segmentation) ก่อนที่จะส่งออกไป และมุ่งเน้นไปที่ความยินยอมมากยิ่งขึ้นจากข้อกฏหมาย PDPA ที่ได้มีการออกบังคับใช้ ทั้งหมดที่อ่านมานี้นี่อาจฟังดูใช้เวลานานแต่ระบบอัตโนมัติทางการตลาด (Marketing automation) จะสามารถจัดการกับงานพวกนี้ในเพียงไม่กี่คลิ๊กซึ่งทาง ConnectX ก็มีบริการ Marketing automation เช่นกัน

กลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมลที่ออกแบบมาอย่างดีไม่เพียงแต่กระตุ้นยอดขายแต่ยังช่วยสร้าง Community ให้กับแบรนด์และ word of mouth marketing (การตลาดแบบปากต่อปาก)

ว่าด้วยเรื่องของตัวเลขและสถิติ
ในปี 2020 มีผู้ใช้อีเมลทั่วโลกมากกว่า 4 พันล้านคน
80% ของชาวอเมริกันตรวจสอบอีเมลอย่างน้อยวันละครั้ง โดยเกือบหนึ่งในสี่ตรวจสอบอีเมลส่วนตัววันละหลายครั้ง
62% ของผู้บริโภคจัดอันดับอีเมลในช่องทางการสื่อสารที่ตนชื่นชอบมากที่สุดกับธุรกิจขนาดเล็ก
เมื่อพิจารณาจากตัวเลขแล้ว การไม่มีกลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมลหมายถือว่าพลาดโอกาสในการขายและโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ยั่งยืน(Customer Loytalty)

“For every $1 spent on email marketing, you can expect a return of $36!”
https://www.litmus.com/blog/infographic-the-roi-of-email-marketing/

ประโยชน์ของ E-mail marketing

1. Conversion

คุณจะได้ Conversion
เมื่อเราต้องการที่จะยิงแคมเปญใหม่ๆหรือผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่แน่นอนว่า E-mail ก็จะต้องไปหนึ่งในวิธีประชาสัมพันธ์ เราสามารถส่งแคมเปญการตลาดทางอีเมลให้กับสมาชิกเพื่อกระตุ้นยอดขาย ยกตัวอย่างเช่น คูปองลดราคาสินค้าส่วนบุคคลหรือข้อเสนอพิเศษสำหรับวันเกิดหรือวันครบรอบของสมาชิก นี่จะเป็นวิธีที่เราจะสามารถดึงดูดลูกค้าเก่าๆที่เคยเป็นสมาชิกกับเราอยู่แล้วกลับมาซื้อซ้ำหรือเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นเราอีกครั้ง(Awareness) จนไปถึงการสร้าง Brand loyalty กับลูกค้าได้ในที่สุด

2. Awareness (การรับรู้ถึงแบรนด์)

ข้อดีของอีเมลอีกข้อคือจะคือช่วยให้เราติดต่อกับใครก็ได้โดยตรงในปัจจุบันลูกค้าต้องการ การสื่อสารแบบตัวต่อตัว(Personalized Marketing) และในปัจจุบันลูกค้าไม่ใช่ว่าลูกค้าจะต้องการรับอีกเมลการสื่อสารจากทุกแบรนด์ถ้ามากไปจนน่ารำคาญลูกค้าก็อาจที่จะ Unsubscribe ได้ ดังนั้นการทำ E-mail marketing เพื่อให้เกิด Awareness อาจจะต้องมีการวางแผนที่ดีและรอบคอบเพื่อที่จะไม่ไปทำให้เกิดความรำคาญ และประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการตลาดผ่านอีเมลคือความสามารถในการปรับขนาดได้(scalability) ซึ่งหมายความว่าเราสามารถส่งอีเมลไปยังผู้รับจำนวนมากได้ในขณะที่ยังคงความคุ้มค่า (เมื่อเทียบกับช่องทางการตลาดโซเชียลมีเดียอื่นๆ)

3. ความภักดีของลูกค้า (Customer loyalty)

E-mail Marketing จะช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าในทุกขั้นตอนของเส้นทางของผู้ซื้อ(Customer Journey) ตั้งแต่การเริ่มต้นใช้งานและการดูแลลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างที่ได้กล่าวไปในข้อความข้างบนว่าเราสามารถที่จะใช้อีเมลเพื่อบอกกับลูกค้าได้ว่าครบรอบการเป็นสมาชิกเราจะมีการแจกของสัมมนาคุณให้

4.ประหยัดค่าใช้จ่าย

เพราะเนื่องจาก E-mail marketing นั้นสามารถที่จะส่งข้อความหรือแคมเปญของเราไปหาลูกค้าได้เป็นหมื่นๆคนโดยเป็นแบบ Direct message โดยที่เราอาจจะเสียค่าใช้จ่ายแค่ตัวซอร์ฟแวร์เท่านั้นไม่ต้องเสียเงินให้กับการ ยิง Ads หรือ Bidding เพื่อให้ติดอันดับ

20 Powerful Tips to Improve your Email Marketing Campaigns

ก่อนจะจากกันไป
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจและมีแนวคิดที่ดีขึ้นเกี่ยวกับโลกของการตลาดผ่านอีเมล(E-mail Marketing) การทำการตลาดผ่านอีเมลเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เพราะถ้าเราส่งอีเมลไปหาลูกค้าที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่เราได้จัดไว้ (Segmentation) ลูกค้าก็จะรู้สึกเกิดความรำคาญกับข้อความที่ส่งมาและทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นดูไม่ดีตามไปด้วยแต่กลับกันถ้าเราสามารถส่งแคมเปญที่ตรงใจลูกค้าได้สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เกิดยอดขาย เกิดการซื้อซ้ำ ทำให้ลูกค้ามีความภักดีกับแบรนด์ของเราต่อไป

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

ทำไมต้องมีระบบ CDP (Customer Data Platform) ถึงแม้ว่าจะมีระบบ CRM อยู่แล้ว ?

ในวันนี้ทางทีมงาน ConnectX จะมาเขียนถึงความแตกต่างระหว่างระบบ CDP (Customer Data Platform) กับระบบ CRM ว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไรและทำไมเราควรจะมีระบบ CDP เพิ่ม

 

เริ่มแรกเลยเราต้องเข้าใจเป้าหมายของทั้งสองอย่างนี้ก่อนระหว่าง CDP (Customer Data Platform) กับ CRM ถึงแม้ว่า CRM และ CDP จะมีความคล้ายคลึงกัน

โดยเราจะไปเริ่มกันที่ตัว CRM กันก่อนเลย

CRM นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นก่อนและถือเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B มาเป็นระยะเวลานาน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้บริษัทได้ลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมไว้ โดยระบบ CRM นั้นจะทำให้การจัดการโต้ตอบแบบส่วนตัวและโดยตรงได้ง่ายยิ่งขึ้น 

เป้าหมายและจุดประสงค์ของระบบ CRM หลักๆก็คือการช่วยปรับปรุงการโต้ตอบกับลูกค้าเก่าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า(Loyalty) แพลตฟอร์ม CRM มาพร้อมกับคุณสมบัติและเครื่องมือหลายอย่างเพื่อช่วยให้เราสามารถติดตามประวัติการซื้อและความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริษัท มากไปกว่านั้นยังช่วยติดตามสถานะของผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าเพื่อแจ้งเตือนลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ทีมขายของติดต่อกับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสมเพื่อปิดการขายเพิ่ม

นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมการตลาดใช้แคมเปญแบบส่งความทางการตลาดส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับลูกค้าเฉพาะราย (Personailzed Marketing) เพื่อกระตุ้นให้มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและเกิด Conversion มากขึ้น

ต่อมาเราจะมาพูดถึงในส่วนของ CDP (Customer Data Platform) 

จากบทความที่แล้วที่เราได้เขียนไป “ข้อดีของระบบ CDP ที่จะช่วยเพิ่มการทำไรมากยิ่งขึ้น” ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากอ่านแบบเต็มๆสามารถคลิ๊กเข้าไปได้เลยค่ะ

Customer Data Platform หรือ CDP เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าให้มาอยู่ในที่ที่เดียว เป็นโซลูชันที่ใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งมีหน้าที่หลักๆก็คือช่วยในการรวมข้อมูลประเภทต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลประชากร พฤติกรรม และการโต้ตอบกับธุรกิจของเราไม่ว่าลูกค้าจะสื่อสารมาจากช่องทางไหนตัว CDP ก็จะเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ได้ทั้งหมดถึงแม้ว่าจะเป็น Unknown customer ก็ตาม มากไปกว่านั้นตัว CDP ยังช่วยให้เราสามารถสร้างโปรไฟล์ลูกค้าของแต่ละคนเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์เจาะลึกเพื่อนำไปทำ Personalized marketing ได้อีกด้วย

https://medium.com/@useinsider/what-is-a-customer-data-platform-cdp-and-how-does-it-compare-to-crm-dmp-and-personalization-7fa407795066

ข้อดีของของ CDP

  • CDP สามารถรวมกับระบบ API ต่างๆ ได้ เช่น POS หรือ ERP
  • CDP เก็บข้อมูลในแหล่งเดียวได้ ทำให้วิเคราะห์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น 
  • CDP สามารถเปิดเผยลักษณะของลูกค้าเพื่อใช้ทำการตลาดแบบ Personalized Marketing
  • CDP เก็บข้อมูลที่เป็นบริบท ประวัติย้อนหลัง และข้อมูลทั่วไปของลูกค้า แยกเป็นสัดส่วนได้แบบชัดเจน

ทิ้งท้าย

ทั้ง CDP และ CRM จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจต่างๆภายในองค์กรทำงานได้ง่ายขึ้นและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว (Long term plan) ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของบริษัท

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

แนะนำ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Email Marketing ทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นการขายได้สบายๆ

มาทราบกันถึง 5 สิ่งที่เจ้าของแบรนด์ควรรู้ในการทำ Email Marketing เพื่อกระตุ้นการขายที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ

การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันให้พบกับความสำเร็จได้จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคหรือกลยุทธ์มากมายในด้านการตลาด ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ และควรมีเครื่องมืออย่าง Marketing Automation อีกทั้งแบรนด์ต่างๆ ยังต้องมีช่องทางที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าของธุรกิจหลายท่านอาจนึกถึง Social Media หรือเว็บไซต์ออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามการส่ง Email Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน

วันนี้ Connect X จึงขอมาแนะนำถึง 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Email Marketing ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ และกระตุ้น Conversion ให้ธุรกิจ

การตลาดผ่าน Email เป็นอย่างไร?

Email หรือ Electronic Mail ที่เข้ามาแทนที่การส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์นั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในช่องทางแรกๆ ของการโฆษณาในยุคที่สื่อดิจิทัลกำลังพัฒนา และยังเป็นช่องทางการสนทนาระหว่างบุคคลและการทำงานในทุกๆ วันอีก  ด้วยเหตุนี้นักธุรกิจและนักการตลาดจึงไม่รอช้าที่จะทำการประชาสัมพันธ์แบรนด์ สินค้าและบริการผ่านช่องทางนี้นั่นเอง

การเริ่มทำ Email Marketing สอดคล้องกับสถิติต่างๆ ทั่วโลกเช่น

  • ในปี 2019 มีผู้ใช้อีเมลทั่วโลกกว่า 3.9 พันล้านคน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 พันล้านภายในปี 2023
  • 81% ของธุรกิจขนาดเล็กยังคงใช้อีเมลเป็นช่องทางการหาลูกค้าหลัก
  • 49% ผู้บริโภคต้องการรับอีเมลจากแบรนด์ที่ตนเองชอบ

ในปัจจุบันนี้ก็มีอีเมลการตลาดหลากหลายรูปแบบ อาทิ Behavioral Email, Inaugural Emails, Promotional Email, ฯลฯ ที่มีตัวช่วยอย่างระบบ CRM ที่คอยเก็บข้อมูลต่างๆ และ Marketing Automation สำหรับส่งอีเมลประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าแบบอัตโนมัติ

5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Email Marketing กระตุ้นการขายให้ธุรกิจ

มาถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการทำ Email Marketing เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างยอด Conversion กระตุ้นการขายผ่านช่องทางอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง 5 ข้อจะมีอะไรบ้างนั้น? มาดูพร้อมกันเลย

1. การวางกลยุทธ์นั้นต้องเหมาะสมกับแคมเปญ

“แคมเปญการตลาดของคุณมีเป้าหมายอะไร?” ก่อนที่จะเริ่มส่งอีเมลไปยังกลุ่มลูกค้า อย่างน้อยคุณจะต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า อีเมลที่จะส่งไปนี้ทำขึ้นเพื่ออะไร  รวมไปถึงการกำหนดยอด Conversion Rate ที่คาดหวังไว้ด้วย ว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่มีผู้เปิดอ่านเท่าไหร่ หรือจำนวนคลิกเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็เพื่อนำมาวิเคราะห์ในภายหลังว่า ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดเอาไว้หรือไม่ และควรแก้ไขจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง

ยกตัวอย่างเช่น การส่ง Promotional Email นำเสนอโปรโมชัน ซึ่งอีเมลแบบนี้จะเน้นการสร้างยอดขายและโฟกัสไปที่การคลิกลิงก์ไปยังหน้า Landing Page ส่วนการส่ง Newsletter การนำเสนอข่าวและคอนเทนต์ใหม่ๆ ของแบรนด์ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) เป็นต้น

2. สร้างความประทับใจผ่านการ Personalization

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Email Marketing ประสบความสำเร็จ คือการสร้างเนื้อหาอีเมลที่ตรงใจเฉพาะบุคคลหรือการ Personalize ตามสิ่งที่ลูกค้าคนนั้นๆ สนใจนั่นเอง เพื่อสร้างความประทับใจและความรู้สึกพิเศษ ให้รู้สึกว่าอีเมลดังกล่าวเขียนมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ

อาจจะเริ่มโดยการเขียนชื่อของลูกค้าในอีเมล หรือส่งคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจลูกค้า ซึ่งในการส่ง Personalized Email เช่นนี้ ระบบ CDP หรือ ระบบ CRM ที่มี Marketing Automation นั้นสามารถช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า ทั้งพฤติกรรมและความสนใจ ช่วยให้วิเคราะห์เนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตามในการเก็บข้อมูลลูกค้านั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตาม พรบ. PDPA ด้วย

3. ทำ A/B Testing วัดประสิทธิภาพเนื้อหา

การได้ทราบถึงจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดในแคมเปญ แบรนด์สามารถนำข้อเสียเหล่านั้นมาปรับปรุงและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การทดสอบระบบการส่งอีเมล หรือทดลองนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน เพื่อหาสิ่งที่ผู้รับต้องการมากที่สุด ก็จะส่งผลให้ผลลัพธ์การเปิดอ่านเพิ่มมากขึ้น และนำไปสู่ Conversion Rate ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการทำ A/B Testing

A/B Testing คือการส่งคอนเทนต์ที่แตกต่างกันไปให้กับผู้อ่านกลุ่มเดียวกัน และทำการเปรียบเทียบว่า คอนเทนต์แนวไหนมีผู้เปิดอีเมลอ่านมากกว่ากัน ซึ่งการทดสอบแบบนี้ ก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อหัวข้ออีเมล เปลี่ยนภาพกราฟิก การเปลี่ยนเนื้อหาภายใน หรือแม้กระทั่งภาษาการเขียนที่ใช้ในประโยค Call to Action ทำการทดสอบไปเรื่อยๆ และสังเกตว่าเป้าหมายของคุณชอบหรือสนใจอีเมลแบบไหนมากกว่ากัน

4. Call To Action สำคัญไฉน

จากข้อข้างต้น หากผู้อ่านเกิดชื่นชอบคอนเทนต์หรือสนใจโปรโมชันในอีเมลนั้นแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปหรือต้องเข้าไปซื้อสินค้าจากที่เว็บไซต์ไหน ก็อาจทำให้แบรนด์สูญเสีย Conversion และโอกาสในการขายไปได้ ดังนั้นปุ่ม Call To Action (CTA) หรือข้อความกระตุ้นการกระทำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ Email Marketing ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

โดยภายในอีเมลนั้น คุณสามารถที่จะทำปุ่ม CAT ได้ ขึ้นอยู่วัตถุประสงค์ อาทิ Book Now สำหรับการจองบริการ, ปุ่ม Visit Us เพื่อนำลูกค้าไปยังเว็บไซต์ หรือปุ่ม Buy Now เป็นทางลัดให้ลูกค้าที่สนใจได้ซื้อสินค้าในทันทีนั่นเอง

5. เครื่องมือทันสมัย ตอบโจทย์ธุรกิจให้รุ่ง

อย่างที่ Connect X คอยบอกเสมอว่าเครื่องมือ Marketing Automation จะช่วยเหลือแบรนด์ให้การทำการตลาดให้ง่ายยิ่งขึ้นได้ ซึ่งเจ้าของธุรกิจก็ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมการตลาดทั้งหมด สร้าง Centralized Process เพื่อการดำเนินงานที่ไหลลื่นกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า และทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม โดยเฉพาะ CDP หรือ Customer Data Platform ที่ครอบคลุมรอบด้านของการตลาดออนไลน์

Connect X เป็นเครื่องมือ CDP และ Marketing Automation ที่ช่วยวิเคราะห์และเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ รู้ลึกถึง Customer Insight แบบ 360° สามารถ Integrate กับ API ได้หลากหลาย ส่วนในด้านการตลาด Connect X ก็สามารถรวบรวมช่องทางการสื่อสารไว้ได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger หรือ LINE Official Account อีกทั้งยังรองรับ Customer Journey แบบ Cross Channel นั่นคือหากลูกค้าไม่เปิดอ่านอีเมล ระบบจะทำการส่งข้อความหรือโปรโมชันต่างๆ ไปผ่านช่องทางอื่นๆ ให้อัตโนมัติ รับรองว่ายอด Conversion เพิ่มขึ้นสูงอย่างแน่นอน

ในบทความนี้ ทุกท่านก็ได้ทราบถึง 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Email Marketing ไปแล้ว และหากสนใจเครื่องมือสุดล้ำที่จะช่วยให้การตลาดเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถติดต่อพวกเรา Connect X ตามรายละเอียดด้านล่างได้เลย

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

อัปเดต 5 เทรนด์ Email Marketing ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ในปี 2022

เชื่อว่าใครที่มีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์คงรู้กันดีว่า ตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ส่งผลให้โลกของการตลาดออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการมือใหม่หลายคนอาจเกิดความรู้สึกกังวล เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นใช้เครื่องมือไหนหรือวิธีการใดที่จะสามารถตอบสนองความต้องการตามพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยใหม่ได้

แน่นอนว่าหากต้องการประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ จำเป็นต้องรู้จักใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการรู้จักเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ต่อกันในระยะยาว ปัจจุบันหนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าวที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายคือการทำ Email Marketing ดังนั้นในบทความนี้ Connct X จะพาทุกคนมาอัปเดต 5 เทรนด์ Email Marketing เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์การตลาดออนไลน์จะประสบความสำเร็จตลอดปี 2022 ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

อัปเดต 5 เทรนด์ Email Marketing ในปี 2022

1.รองรับตลาดมือถือ

หากเป็นสมัยก่อนเมื่อพูดถึงกลยุทธ์การทำ Email Marketing มักจะครอบคลุมแค่เพียงการแสดงผลบนเดสก์ท็อปเท่านั้น แต่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทรนด์การใช้งานอุปกรณ์มือถือหรือสมาร์ทโฟนต่างๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ แต่ข้อควรระวังสำหรับแบรนด์และนักการตลาดในการใช้กลยุทธ์ Email Marketing คืออีเมลจะต้องมีความน่าสนใจที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะใช้การดึงดูดด้วยเนื้อหา วิธีการนำเสนอ หรือข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้อ่านมากขึ้น เพราะด้วยการใช้งานมือถือของผู้บริโภคก็พร้อมที่จะลบทิ้งทันทีหากพบว่าเนื้อหาในอีเมลไม่สามารถดึงดูดใจได้

2.วิดีโอคอนเทนต์

หลายคนที่มีประสบการณ์การทำการตลาดออนไลน์ คงรู้ดีว่าเทรนด์ของวิดีโอคอนเทนต์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะ Short Video หรือคลิปวิดีโอสั้นๆ ซึ่งใครที่ต้องการยอด Engagement ไม่ว่าจะในแพลตฟอร์มใดก็ตามจำเป็นที่จะต้องใช้วิดีโอคอนเทนต์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ดังนั้นในการทำ Email Marketing ในปี 2022 นี้ก็คงหนีไม่พ้น การผลิตวิดีโอคอนเทนต์ อย่างคลิปสั้นๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้ง่ายขึ้น อย่างการแนะนำสินค้า สาธิตการใช้งาน หรือการแก้ปัญหาต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง

3.ผสมผสานความ Minimal และ Interactive

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ Email Marketing คือการใส่ใจในทุกข้อความที่จะปรากฎต่อหน้าผู้รับชม เพราะอย่าลืมว่าการส่งอีเมลเป็นการสื่อสารระหว่างผู้ให้และผู้รับ ดังนั้นการเพิ่มแรงจูงใจในการเปิดอ่านจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ของคุณแซงหน้าคู่แข่งในตลาดได้อย่างแน่นอน

เหนือสิ่งอื่นใดในปี 2022 การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับเทรนด์ฮิต Minimal Style ที่ชนะแทบทุกสิ่งในตอนนี้ ซึ่งหนีไม่พ้นกับการทำ Email Marketing ที่การเขียนในแบบนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกสะอาดตา มีความกระชับ และมีการเรียบเรียงให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะใช้การเขียนแบบเรียบง่ายเพียงอย่างเดียว การใช้ Interactive Emails เพื่อช่วยกระตุ้นการตอบสนองของผู้รับชมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไป เช่น การมีภาพแบบ Carousels เพื่อการนำเสนอสินค้า มีภาพอนิเมชั่นเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกหน้า Landing Page เป็นต้น

4.ให้ความสำคัญกับ Data Privacy

ในปี 2022 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรด์ในการเก็บข้อมูลของแบรนด์และนักการตลาดเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล  ด้วยความสำคัญของ Data Privacy หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ Email Marketing

อย่างในประเทศไทยเองก็เริ่มมีการประกาศใช้ข้อบังคับกฎหมาย PDPA ที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ทั้งแบรนด์และนักการตลาดจำเป็นที่จะต้องศึกษาและให้ความสำคัญกับข้อกฎหมายดังกล่าวไปพร้อมกับการทำกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือการเก็บข้อมูลต้องได้รับอนุญาตจากลูกค้าก่อนเสมอ รวมไปถึงข้อมูลต้องสามารถเปิดเผยได้อย่างโปร่งใส รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืนอย่างแน่นอน

5.เลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์

การทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันไม่ใช่แค่การรู้ใจลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทันทีให้ได้ด้วย แน่นอนว่าหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมของแบรนด์และนักการตลาด คือการเลือกใช้แพลตฟอร์ม Marketing Automation ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ ที่ต้องมีฟีเจอร์ต่างๆ อย่าง ระบบ CRM ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลลูกค้า การเก็บข้อมูลและสร้างฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการบริหารความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้าหรือนำไปสร้างแคมเปญการตลาดในช่องทางแพลตฟอร์มต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุน ทั้งในเรื่องของเวลาและเงินลงทุนในระยะยาวอีกด้วย บอกได้เลยว่าหากเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์การทำงานและความต้องการของลูกค้าได้จริงผลลัพธ์มีแต่ได้ไม่มีเสียอย่างแน่นอน

ทิ้งท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่ Connect X ได้นำมาฝากกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่า การเรียนรู้และศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ ในโลกของการตลาดออนไลน์เป็นข้อบังคับขั้นพื้นฐานสำหรับแบรนด์และนักการตลาดมือใหม่ทุกคน หากไม่อยากให้คู่แข่งนำหน้า ต้องรู้จักใช้เทคนิค “รู้เขารู้เรา” เพื่อให้สามารถนำหน้าคู่แข่งของคุณอยู่เสมอ รับรองได้เลยว่าเทรนด์ 5 ข้อด้านบนสามารถนำไปปรับใช้กับแผนการตลาดออนไลน์ได้ทันที

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย