Category Archives: Customer Data Platform

Deal management รู้ทุกขั้นตอนของการตกลงของคุณ

deal management

Deal Management: รู้ทุกขั้นตอนของการปิดการขาย

Deal Management คือ กระบวนการบริหารจัดการทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่การสร้างและคัดกรองลูกค้าเป้าหมาย (Leads) ไปจนถึงการปิดดีล การส่งมอบ และการติดตามหลังการขาย โดยใช้เครื่องมือและแนวปฏิบัติที่ช่วยให้ทีมขายสามารถทำงานได้เป็นระบบ มีมาตรฐาน และตรวจสอบผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน เป้าหมายหลักคือการจัดการ pipeline ของดีลให้อยู่ในสถานะที่เหมาะสม ลดเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละขั้นตอน และเพิ่มอัตราการปิดการขายให้มากขึ้น

ทำไม Deal Management ถึงสำคัญ?

Deals Management มีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างยิ่ง เนื่องจาก:

  1. สร้างความชัดเจนในกระบวนการขาย
    เมื่อกำหนดขั้นตอนชัดเจน ทีมขายจะรู้ว่าควรทำอะไรต่อไป ช่วยลดข้อผิดพลาดและป้องกันการสูญเสียโอกาส
  2. เพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาขาย
    การติดตาม pipeline และจัดลำดับความสำคัญของดีล ช่วยให้ทีมโฟกัสกับดีลที่มีโอกาสปิดสูง
  3. ปรับปรุงการคาดการณ์ยอดขาย
    ข้อมูลในแต่ละขั้นตอนช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมและวางแผนทรัพยากรได้แม่นยำ
  4. ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
    เมื่อการสื่อสารและการติดตามเป็นระบบ ลูกค้าจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ รู้สึกมั่นใจในการซื้อ
  5. สนับสนุนการตัดสินใจด้วยข้อมูล
    รายงานเชิงลึก เช่น Conversion Rate และ Sales Cycle Length ช่วยให้ทีมปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าถึง Deals management  ของ Connect X คุณจะเห็นภาพรวมของข้อตกลงทั้งหมดและ Pipeline คุณลักษณะนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะใช้กลยุทธ์ใด และข้อตกลงใดที่จะปิดก่อน

ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น B2B หรือ B2C กระบวนการปิดการขาย (Deals Management) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตและรายได้ ด้วยการติดตามทุกขั้นตอน ตั้งแต่การค้นหาลูกค้า (Lead Generation) ไปจนถึงการส่งมอบสินค้า/บริการอย่างสมบูรณ์แบบ จะช่วยให้ทีมขายสามารถปิดดีลได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

deal

การจัดการข้อมูลลูกค้าและข้อตกลงอย่างเหมาะสม

นั่นเป็นวิธีที่คุณปิดการขาย
บันทึกผลลัพธ์ของผู้ติดต่อ ชื่อผู้ติดต่อ ชื่อบริษัท รายละเอียดการประเมินมูลค่าข้อตกลง และเปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นที่จะชนะ ด้วย Deals management  ของ Connect X ทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้คุณนำหน้าคู่แข่งdeal stage

การรู้ว่าดีลถูกชนะได้อย่างไรคือกุญแจสำคัญ การรู้ว่าทำไมดีลถึงแพ้จึงฉลาด

เมื่อสรุปการจัดการดีลแล้ว คุณอาจป้อนเหตุผลว่าทำไมบางดีลจึงพลาดและชนะ Connect x จะรวบรวมกรณีเหล่านี้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ทำผิดซ้ำอีก และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะชนะต่อไป

deal_management_conx

ติดป้ายกำกับข้อเสนอของคุณ

ทำให้สิ่งต่าง ๆ เฉพาะเจาะจงการเพิ่มป้ายกำกับให้กับข้อเสนอของคุณ เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์และประเภทอุตสาหกรรม จะช่วยให้คุณกรองและค้นหาได้อย่างสะดวก

deal management

เชื่อมโยงข้อตกลงกับใบแจ้งหนี้เพื่อดูภาพรวม

เมื่อปิดดีล Connect X จะเชื่อมโยงดีลที่ปิดแล้วกับใบแจ้งหนี้การขายและอัปเดตข้อมูลเป้าหมายการขายของคุณโดยอัตโนมัติ การทำเช่นนี้ช่วยให้ทีมของคุณคาดการณ์และประเมินประสิทธิภาพการขายได้แบบเรียลไทม์

คุณค่าของ Deal Management ที่ดี

Deals Management ที่ดีไม่เพียงแค่ติดตามขั้นตอนการขาย แต่ยังสร้างมาตรฐานในการทำงานให้ทีมขายมีความเป็นมืออาชีพและสามารถทำงานแบบมีระบบ ด้วยการกำหนดกระบวนการที่ชัดเจน ทีมขายจะรู้ว่าควรทำอะไร เมื่อไร และอย่างไรในแต่ละขั้น ทำให้ลดข้อผิดพลาด ลดงานซ้ำซ้อน และประหยัดเวลาในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ อีกทั้งการใช้เครื่องมือ CRM และ Automation ผสานกับ Deals Management จะช่วยนำข้อมูลการติดต่อขาย ความต้องการ และความคืบหน้าของแต่ละดีลมาแสดงผลรวมกันแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมขายและผู้บริหารเห็นภาพรวมธุรกิจได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากระบบ Deals Management ช่วยให้ทีมขายตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์โอกาสปิดดีล (Win Probability) หรือการวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ดีลชะลอ หรือล่มกลางคัน ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันที เช่น ปรับเงื่อนไขการเสนอราคา เลือกใช้ข้อเสนอส่งเสริมการขายที่ตรงใจลูกค้าเฉพาะราย หรือจัดสรรทรัพยากรพนักงานในช่วงเวลาที่ต้องเร่งทำยอด

การประเมินผลลัพธ์ผ่าน KPI สำคัญ เช่น อัตราการปิดดีล (Close Rate), ระยะเวลาเฉลี่ยในการขาย (Sales Cycle), และมูลค่ายอดขายต่อดีล (Deal Value) ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดความสำเร็จของแต่ละขั้นตอนและกำหนดเป้าหมายการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การบริการลูกค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น สร้างความพึงพอใจและความภักดีในระยะยาว ทั้งยังขับเคลื่อนยอดขายของธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับกระบวนการขาย ให้ทีมงานมีเครื่องมือครบถ้วน และเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ Connect X พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ในการติดตั้งระบบ Deals Management ที่ผสาน CRM, Marketing Automation และ Social Connect เพื่อให้การขายของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่ต้นทางจนถึงการส่งมอบและติดตามผล

ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

    Yearly Budget

    How do you know us?

    Connect X ระบบจัดการข้อมูลลูกค้า พร้อม 3 ข้อดีที่ธุรกิจคุณควรใช้ !

    Connect-X-CDP

    หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมจัดการข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพในประเทศไทย Connect X คือแพลตฟอร์มที่คุณต้องการ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและคุณสมบัติขั้นสูง ConnectX จึงเป็นแพลตฟอร์ม CDP ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจทุกขนาด ค้นพบวิธีที่ ConnectX สามารถช่วยให้คุณปรับปรุงการจัดการข้อมูลลูกค้าและยกระดับธุรกิจของคุณไปอีกขั้น

    Connect X (CDP) คืออะไรและทำงานอย่างไร

    ConnectX เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP) ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รวบรวม รวมเป็นหนึ่ง และเปิดใช้งานข้อมูลลูกค้าจากแหล่งต่างๆ ทำงานโดยการผสานรวมกับแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ระบบ CRM แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์เพื่อสร้างมุมมองลูกค้าเดียว ซึ่งช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และการโต้ตอบของลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ด้วย ConnectX ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับแต่งแคมเปญการตลาดได้แบบ Personalization ปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ

    ประโยชน์ของการใช้ Connect X สำหรับการจัดการข้อมูลลูกค้า

    ConnectX มอบสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงการจัดการข้อมูลลูกค้า

    ประการแรกให้มุมมองลูกค้าได้แบบ 360 องศาช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมสิ่งนี้ทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งแคมเปญการตลาดและปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า

    ประการที่สอง ConnectX ทำงานร่วมกับแหล่งข้อมูลต่างๆ ทำให้ง่ายต่อการรวบรวมและรวมข้อมูลลูกค้าจากช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ API หรือ POS ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรของธุรกิจเนื่องจากไม่ต้องรวบรวมและรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆด้วยตนเองอีกต่อไป

    ประการสุดท้าย ConnectX นำเสนอความสามารถในการวิเคราะห์และการรายงานขั้นสูง ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดและทำการตัดสินใจจากข้อมูลได้ โดยรวมแล้ว ConnectX เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงการจัดการข้อมูลลูกค้าและขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้

    คุณสมบัติของ ConnectX ที่ทำให้โดดเด่นจากแพลตฟอร์ม CDP อื่นๆ

    ConnectX เป็นแพลตฟอร์ม CDP ที่ปฏิวัติวงการซึ่งนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ ที่ทำให้โดดเด่นกว่าโซลูชันการจัดการข้อมูลลูกค้าอื่นๆ เพราะ ConnectX เป็น Customer Data Platform ที่ครบวงจรที่สามารถติดตามข้อมูลได้ตั้งแต่การยิงโฆษณา การนำข้อมูลว่าทำการตลาดอัตโนมัติหรือ Marketing Automation ระบบรวมแชท แดชบอร์ดเพื่อสรุปรายงานต่างๆ และฟีเจอร์อีมากมายเพื่อช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของธุรกิจ ซึ่ง ConnectX ยังได้รับการรองรับมาตรฐานจาก ISO27001 ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภภัยได้ตามมาตรฐานสากล

    เรื่องราวความสำเร็จของธุรกิจที่ใช้ ConnectX ในประเทศไทย

    ธุรกิจจำนวนมากในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการใช้ ConnectX สำหรับความต้องการในการจัดการข้อมูลของลูกค้า หนึ่งในธุรกิจดังกล่าวคือบริษัท Retail นำที่มีการมีส่วนร่วมของลูกค้าเพิ่มขึ้น 30% หลังจากใช้แคมเปญการตลาดส่วนบุคคลของ ConnectX อีกธุรกิจหนึ่งซึ่งเป็นบริษัท Customer Goods โดยใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงของ ConnectX เพื่อระบุและแก้ไขจุดบกพร่องของลูกค้า โดยรวมแล้ว ConnectX ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาด ที่สำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการปรับปรุงการจัดการข้อมูลลูกค้าและขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

    *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (Mar tech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

      Yearly Budget

      How do you know us?

       

      CDP Education : สูตรลับเพิ่มยอดสำหรับธุรกิจการศึกษา

      cdp-กับ-ธุรกิจการศึกษา

      ในยุคที่การศึกษาต้องตอบโจทย์ทั้งความทันสมัยและความเป็นส่วนตัว การเชื่อมโยงข้อมูลทุกจุดสัมผัสของนักเรียนและศิษย์เก่าเข้าด้วยกันกลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่เหนือขั้น CDP Education จาก ConnectX จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สถาบันสามารถนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้ขับเคลื่อนกลยุทธ์การสื่อสารได้อย่างเรียลไทม์ ต่อยอดจากการเข้าใจพฤติกรรมสู่การออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ที่ตรงใจกว่าใคร

      CDP Education : สูตรลับเพิ่มยอดสำหรับธุรกิจการศึกษา

      มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหันมาใช้ CDP Educations หรือแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าในธุรกิจการศึกษา (Education Business) อย่างแพร่หลาย เพราะเราแต่ละคนต้องการประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องและปรับให้เหมาะกับความสนใจของตนเอง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นกับวิธีที่นักเรียนและสถาบันการศึกษาดำเนินงานและโต้ตอบกัน สถาบันหลายแห่งจึงตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารหลายช่องทางแบบเฉพาะบุคคล จึงเลือกใช้ CDP Educations ในระดับอุดมศึกษาเพื่อส่งข้อความที่ตรงกลุ่มเป้าหมายผ่านมือถือ อีเมล และโซเชียลมีเดีย การนำข้อมูลจากทุกจุดสัมผัสมารวมกันในระบบเดียวช่วยสร้าง “บันทึกความจริง” (single source of truth) ของนักเรียนและศิษย์เก่า ทำให้สถาบันสามารถเปิดใช้งานการสื่อสารที่มีความหมายและตรงจังหวะ ตลอดเส้นทางตั้งแต่การประเมินโรงเรียนจนถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของศิษย์เก่า

      ในทางปฏิบัติ CDP Educations จะช่วยให้สถาบันเข้าใจเส้นทางของนักเรียนที่คาดหวังได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งในแง่พฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์ การดาวน์โหลดเอกสารข้อมูล คำถามที่ซักถามผ่านแชทบอท ไปจนถึงการตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานเปิดบ้าน จากนั้นสถาบันจึงสามารถส่งข้อมูลหลักสูตรหรือกิจกรรมที่ตรงกับความสนใจของผู้เรียนผ่านอีเมลหรือโซเชียลมีเดียได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มโอกาสที่นักเรียนจะตัดสินใจเลือกสถาบันของตน และสร้าง Engagement ตลอดการเดินทางของผู้เรียนได้อย่างยั่งยืน

      การใช้ CDP (Customer Data Platform) ในธุรกิจการศึกษา

      การกำหนดมาตรฐานการรวบรวมข้อมูล
      ก่อนอื่น สถาบันการศึกษาต้องกำหนดกรอบการรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจน ตั้งแต่จุดที่ผู้เรียนเริ่มให้ข้อมูล เช่น การกรอกแบบฟอร์มสมัครเรียน การเข้าชมหน้าเว็บไซต์ หรือการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำเข้าระบบ CDP อย่างสอดคล้องและพร้อมใช้งานทันที

      การระบุและเชื่อมโยงโปรไฟล์ผ่าน ID
      ขั้นตอนสำคัญถัดมา คือการยืนยันตัวตนของผู้เรียนหรือศิษย์เก่าในแต่ละจุดสัมผัส ด้วยเทคโนโลยี identity resolution CDP จะผสานข้อมูลทั้งหมดเข้ากับโปรไฟล์เดียว ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ หรือพฤติกรรมบนเว็บไซต์ ทั้งนี้ยังช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว

      การเพิ่มมูลค่าและแบ่งส่วนข้อมูลเพื่อความเข้าใจเชิงลึก
      หลังจากรวมโปรไฟล์เรียบร้อย CDP จะทำการวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ข้อมูล (segmentation) เพื่อสร้าง “โปรไฟล์หลัก” ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจ พฤติกรรม และความต้องการเฉพาะตัวของผู้เรียนแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานในการออกแบบแคมเปญการสื่อสารที่ตรงจุด

      การผสานรวมและเปิดใช้งานแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพ
      เมื่อโปรไฟล์และข้อมูลแบ่งส่วนพร้อมใช้งาน CDP จะเชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ เช่น CRM, LMS, แพลตฟอร์มอีเมล และโฆษณา Programmatic เพื่อเปิดใช้งานแคมเปญได้แบบหลายช่องทาง ข้อความหรือข้อเสนอจากสถาบันจึงปรากฏต่อผู้เรียนในเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับ Student Journey ของแต่ละคน

      การวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยข้อมูลเรียลไทม์
      CDP ช่วยให้สถาบันติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการลงทะเบียน เปิดอีเมล หรือตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรม ข้อมูลเชิงตัวเลขเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ปรับปรุงกลยุทธ์และงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

      ตัวอย่างความสำเร็จ: Monash University
      มหาวิทยาลัย Monash ได้นำ CDP มาใช้รวบรวมข้อมูลทั้งในอดีตและเรียลไทม์จากจุดสัมผัสหลากหลาย จนสามารถสร้างมุมมอง 360 องศาของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์ การวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจช่วยให้ Monash ส่งข้อมูลหลักสูตรและกิจกรรมที่ตรงใจ ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกนักศึกษาจนถึงวันเปิดเทอม ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่ดีและสถาบันสามารถสร้าง Engagement ได้อย่างยั่งยืน

      ผลลัพธ์รวม CDP Education

      โดยภาพรวม การนำ CDP Education มาใช้งานช่วยให้มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาสามารถยกระดับประสิทธิภาพด้านการตลาดและการรับสมัครได้อย่างชัดเจน ด้วยการเปลี่ยนข้อมูลผู้เรียนจากหลายแหล่งให้กลายเป็น “มุมมองเดียว” ที่ครบถ้วน ทั้งพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ ประวัติการสมัครเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรม และการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดีย เมื่อสถาบันสามารถเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างเรียลไทม์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นตัวเลขที่จับต้องได้ และสะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (personalization) ตลอดเส้นทางการเรียนรู้ (Student Journey)

      ผลลัพธ์เชิงปริมาณที่โดดเด่นของการใช้ CDP Educations ได้แก่

      • การสร้าง “ลีดคุณภาพ” (Qualified Leads) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับการดำเนินงานก่อนหน้านี้

      • การมีส่วนร่วมในกิจกรรม (Engagement) ของผู้เรียนที่ได้รับประสบการณ์แบบ Personalization เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20

      • คะแนนความพึงพอใจในการค้นหากิจกรรมที่ตรงตามความสนใจ (Relevant Activity Discovery) เฉลี่ย 4.2 เต็ม 5

      • ระยะเวลาการตัดสินใจสมัครเรียนของนักเรียนลดลง ทำให้กระบวนการรับสมัครมีประสิทธิภาพและประหยัดงบประมาณมากขึ้น

      ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการแข่งขันด้านการศึกษาสูงขึ้น นักเรียนและศิษย์เก่าต่างคาดหวังประสบการณ์ที่สอดคล้องและไร้รอยต่อจากหลายช่องทาง CDP Educations จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้สถาบันสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การจับข้อมูลเชิงลึกของผู้เรียนไปจนถึงการสื่อสารที่ตอบโจทย์ตลอด Student Journey

      ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบเดิม เช่น CRM, LMS, แพลตฟอร์มอีเมล และโฆษณา Programmatic CDP Educations ช่วยให้การเปิดใช้งานแคมเปญเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อมูลย้อนกลับจากทุกช่องทางจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมรับสมัครและการตลาดสามารถปรับงบประมาณ เนื้อหา และจังหวะการสื่อสารได้ทันที

      ผลลัพธ์เชิงบวกดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอีกต่อไป แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสถาบันที่ใช้ CDP อย่างชาญฉลาดเท่านั้นที่จะอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดการศึกษายุคใหม่ หากคุณพร้อมยกระดับการตลาดการศึกษาของสถาบันให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้วยโซลูชัน CDP Educations จาก ConnectX ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งระบบที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของคุณ เพื่อสร้างมุมมองข้อมูลนักเรียนเชิงลึก เพิ่มยอดลงทะเบียน และรักษาความสัมพันธ์กับศิษย์เก่าให้ยั่งยืน ติดต่อตอนนี้เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปด้วยกัน!

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

      *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

        Yearly Budget

        How do you know us?

        ทำความเข้าใจกับระบบ Customer Ralationship Management : CRM คืออะไร?

        CRM-คืออะไร

        หากคุณต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าของธุรกิจ ระบบ CRM อาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการ แต่แท้จริงแล้ว CRM คืออะไร และมีประโยชน์ต่อบริษัทของคุณอย่างไร คู่มือนี้จะให้ภาพรวมของ CRM และข้อดีที่เป็นไปได้

        Customer Relationship Management คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ

        CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management เป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจใช้ในการจัดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า เป้าหมายของ CRM คือการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า เพิ่มความภักดีของลูกค้า และผลักดันการเติบโตของยอดขายในที่สุด ด้วยการใช้ระบบ CRM ธุรกิจสามารถติดตามการโต้ตอบกับลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อปรับปรุงการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า CRM มีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้และความสำเร็จในระยะยาว และระบบที่เป้นที่นิยมที่เรารู้จักกันอย่าง Salesforce

        ประเภทของระบบ CRM 

        ระบบ CRM มีอยู่สามประเภทหลัก ได้แก่ การปฏิบัติงาน การวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกัน ระบบ CRM สำหรับการดำเนินงานมุ่งเน้นไปที่การทำงานอัตโนมัติและปรับปรุงกระบวนการที่ติดต่อกับลูกค้า เช่น การขาย การตลาด และการบริการลูกค้า ระบบ CRM เชิงวิเคราะห์มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า ระบบ CRM การทำงานร่วมกันมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกต่างๆ ภายในธุรกิจเพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า ระบบ CRM บางระบบอาจรวมองค์ประกอบของทั้งสามประเภทเข้าด้วยกัน การเลือกระบบ CRM ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการทางธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญ

        ประโยชน์ของการใช้ระบบ CRM

        มีประโยชน์มากมายในการใช้ระบบ CRM สำหรับธุรกิจของคุณ ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดีขึ้น การมีฐานข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์ คุณสามารถให้บริการที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าของคุณ นอกจากนี้ ระบบ CRM ยังช่วยคุณติดตามการขายและการตลาด ระบุแนวโน้มและโอกาส และปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจโดยรวม ด้วยระบบ CRM คุณยังสามารถทำงานหลายอย่างโดยอัตโนมัติ ทำให้ทีมของคุณมีเวลาไปโฟกัสกับความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์มากขึ้น โดยรวมแล้ว ระบบ CRM สามารถช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มรายได้และการเติบโต

        การทำงานของระบบ CRM: เบื้องหลังความสำเร็จของการบริหารลูกค้า

        ระบบ CRM ทำงานโดยรวบรวมข้อมูลจากทุกช่องทางที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์มในเว็บไซต์ การสนทนาผ่านแชท การโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งการคลิกโฆษณา จากนั้นระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา ซึ่งช่วยให้ทีมขาย การตลาด และบริการลูกค้าเข้าใจลูกค้าในมิติต่าง ๆ ได้ลึกขึ้น และตอบสนองได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

        นอกจากนี้ ระบบ CRM ยังสามารถแจ้งเตือนกิจกรรมสำคัญ เช่น การติดตามลูกค้าที่แสดงความสนใจแต่ยังไม่ซื้อ หรือการแจ้งเตือนวันหมดอายุของสัญญาบริการ เพื่อให้ธุรกิจไม่พลาดโอกาสในการปิดการขายหรือดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

        CRM คืออะไร : การเลือกระบบ CRM ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

        เมื่อเลือกระบบ CRM สำหรับธุรกิจของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของคุณ ปัจจัยบางประการที่ควรพิจารณา ได้แก่ ขนาดธุรกิจของคุณ ความซับซ้อนของกระบวนการขายและการตลาด และระดับการปรับแต่งที่คุณต้องการ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาส่วนติดต่อผู้ใช้และความสะดวกในการใช้งาน ตลอดจนระดับการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับจากผู้จำหน่าย CRM ใช้เวลาในการวิจัยและเปรียบเทียบระบบ CRM ต่างๆ ก่อนตัดสินใจ และพิจารณาขอข้อมูลจากสมาชิกในทีมของคุณที่จะใช้ระบบในแต่ละวัน

        การเลือกระบบ CRM ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น:

        • ขนาดธุรกิจ: ธุรกิจขนาดเล็กอาจเริ่มจาก CRM ที่ใช้งานง่ายและราคาย่อมเยา เช่น Zoho CRM หรือ HubSpot

        • ความสามารถในการปรับแต่ง: หากต้องการความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้สูง Salesforce อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

        • การใช้งานร่วมกันในทีม: เลือกระบบที่มีการแบ่งสิทธิ์และช่วยให้ทีมสื่อสารร่วมกันได้สะดวก

        • การผสานกับระบบอื่น: เช่น ระบบ ERP ระบบอีเมล หรือเครื่องมือการตลาดออนไลน์

        ตัวอย่างการใช้ระบบ CRM ในภาคธุรกิจ

        การใช้งานระบบ CRM ไม่จำกัดอยู่แค่ธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น:

        • ธุรกิจค้าปลีก: ใช้ CRM เพื่อเก็บข้อมูลการซื้อสินค้าและเสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล

        • บริษัท B2B: ใช้ CRM เพื่อติดตาม Pipeline การขาย และวางแผนการติดต่อลูกค้าองค์กร

        ธุรกิจบริการ: ใช้ CRM เพื่อตั้งตารางนัดหมาย แจ้งเตือนการต่อสัญญา หรือรวบรวม Feedback

        CRM กับการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalization)

        หนึ่งในประโยชน์สำคัญของระบบ CRM คือความสามารถในการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Marketing ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญในยุคดิจิทัล โดยข้อมูลจาก CRM สามารถนำมาใช้เพื่อส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละราย เช่น:

        • การส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่ลูกค้าสนใจ

        • การเสนอคูปองส่วนลดสำหรับสินค้าที่ลูกค้าเคยดู

        • การแจ้งเตือนเมื่อมีสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อกลับมาในสต๊อก

        การตลาดแบบนี้สามารถเพิ่มอัตราการเปิดอีเมล การคลิก และยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ

        แนวโน้มของระบบ CRM ในอนาคต

        ระบบ CRM กำลังก้าวไปไกลกว่าเดิมด้วยการผสานเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น:

        • AI และ Machine Learning: เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์ เช่น แนวโน้มที่ลูกค้าจะซื้อซ้ำ

        • ระบบ CRM บน Cloud: ที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ลดข้อจำกัดด้านอุปกรณ์และสถานที่

        • การเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย: เพื่อดึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Line OA, Instagram มารวมไว้ในระบบเดียว

        ทั้งหมดนี้ทำให้ระบบ CRM กลายเป็นมากกว่าเครื่องมือเก็บข้อมูล แต่เป็น ศูนย์กลางในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจอย่างครบวงจร

        สรุป: CRM คือเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

        CRM ไม่ใช่เพียงแค่ระบบซอฟต์แวร์ แต่เป็น กลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งและให้บริการได้อย่างเหนือความคาดหวัง หากเลือกและใช้งานระบบ CRM ได้อย่างเหมาะสม ธุรกิจของคุณจะสามารถรักษาลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างการเติบโตที่มั่นคงได้ในระยะยาว

        ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

        *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (Mar tech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

          Yearly Budget

          How do you know us?

           

          5 ตัวอย่างในการใช้ CDP ใน Financial services

          cdp financial

          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจที่ให้บริการทางการเงินจำนวนมากใช้ CDP Financial service เช่น เทคโนโลยีทางการเงิน สกุลเงินดิจิทัล และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนจากโรคระบาด ได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมบริการทางการเงินไปตลอดกาล เพื่อเป็นการตอบสนอง บริษัทที่ให้บริการทางการเงินกำลังหันมาใช้ CDP ในปี 2565 เพื่อกำหนดเงื่อนไขของการมีส่วนร่วมกับลูกค้าใหม่

          ในรายงาน CDP ของเรา ประสบการณ์ทางดิจิทัลที่ได้รับการปรับปรุง การใช้งานใหม่ของปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ล้วนอยู่ในลำดับความสำคัญสูงมากสำหรับการใช้แพลตฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า (CDP) ผู้ตอบแบบสอบถามระบุความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการรวมการจัดการผู้ชมเป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งกลุ่มเทคโนโลยีและปรับปรุงคุณภาพข้อมูล นอกจากนี้ บริษัทการเงินยังลงทุนอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital transformation) โดย 95% กล่าวว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการเริ่มใช้ CDP

          ทั้งหมดนี้ถูกขับเคลื่อนไปสู่การนำ CDP มาใช้ ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มงานและนำ CDP ไปใช้กับบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน Connect X เป็นแพลตฟอร์ม CDP ชั้นนำของประเทศไทย

          5 ตัวอย่างในการใช้ CDP Financial Industry

          1. ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ใน CDP Financial

          ข้อมูลลูกค้าของคุณถือเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มมูลค่าให้กับตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า กลยุทธ์ข้อมูลที่ครอบคลุมซึ่งจัดแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดให้สอดคล้องกัน จากนั้นจัดระเบียบข้อมูลดังกล่าวให้เป็นมุมมองเดียวของลูกค้าแต่ละราย จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถเปิดใช้งานแคมเปญที่ทรงพลังและเป็นส่วนตัวสูงได้เพียงแค่กด Run campaign

          2. ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของลูกค้า

          ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังผันผวน และการเร่งเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจากสถาบันการเงินของพวกเขา ด้านหนึ่งลูกค้าต้องการความชัดเจน ความเห็นอกเห็นใจ และการปกป้อง ในทางกลับกัน ลูกค้าต้องการวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อเพิ่มพอร์ตการลงทุนและกลยุทธ์ในการลงทุนให้สูงสุด พวกเขายังคาดหวังให้สถาบันการเงินมีเทคโนโลยีระดับแนวหน้า เช่น แอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย เว็บไซต์ที่ใช้งานได้และครอบคลุม การบริการลูกค้าที่ได้รับการปรับแต่ง และการสื่อสารข้ามช่องทางที่ปรับปรุงบริการ คุณต้องมีแพลตฟอร์มข้อมูลที่จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถเปิดใช้งานข้อมูลลูกค้าได้อย่างง่ายดายในกลยุทธ์แบบหลายช่องทางเพื่อตอบสนองและหวังว่าจะเกินความคาดหวังของลูกค้า

          3. เตรียมพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ

          นวัตกรรมเป็นธรรมชาติของโลกในทุกอุตสาหกรรม มีการประกาศผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์มใหม่ทุกวัน สถาบันการเงินของคุณต้องมองหาวิธีการสร้างสรรค์รูปแบบธุรกิจของตนเองอย่างต่อเนื่อง แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าทำให้เกิดนวัตกรรมจำนวนมหาศาลจากการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกที่ทรงคุณค่าของลูกค้าทั่วทั้งองค์กรที่สามารถปลดล็อกแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ กระบวนการที่จะปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่ลูกค้าต้องการทำธุรกิจ

          4. ไม่ใช่ (แค่) ส่วนบุคคล แต่เป็นการธนาคาร

          ในบริการทางการเงิน คุณไม่เพียงแค่มอบวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ เท่านั้น แต่คุณยังช่วยให้ลูกค้าของคุณบรรลุเป้าหมายในชีวิตอีกด้วย คุณสามารถเข้าถึงความจริงและการทดลองที่ใกล้ชิดที่สุดของพวกเขาได้ ลูกค้าของคุณหันมาหาคุณเพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกที่สำคัญที่สุดช่วยให้พวกเขาสร้างชีวิตในฝันหรือเอาชนะความท้าทายที่ยากที่สุด

          ภาพที่เราได้รับคือผู้บริโภคไม่ได้ถือว่าบริการตนเองแบบดิจิทัลส่วนบุคคลเป็นบริการส่วนบุคคลหัวหน้าฝ่ายการธนาคารและการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกของ EPAM ตอบสนองต่อรายงาน Consumer Banking Report 2021 ของพวกเขาถ้าฉันสามารถให้ได้ ปฏิสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นการโทรหรือวิธีอื่นๆ ในการโต้ตอบแบบเรียลไทม์กับมนุษย์อีกคนหนึ่งนั่นเป็นบริการที่ผู้บริโภคระบุว่าพวกเขาสนใจด้วย CDP สถาบันการเงินสามารถสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบครบวงจรและถูกต้อง สร้าง Customer journey ที่ดีขึ้นตลอดการเดินทางของลูกค้า และขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริง ณ ช่วงเวลาที่ต้องการของลูกค้าซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่แค่เฉพาะบุคคล

          5. เพิ่มโอกาสสูงสุดที่สร้างโดยข้อมูลลูกค้า

          การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภาคการเงินได้สร้างโอกาสที่น่าอัศจรรย์สำหรับสถาบันที่พร้อมจะคว้าโอกาสเหล่านั้นไว้ ไม่ใช่ว่าโอกาสใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะเกิดขึ้น แต่ข้อมูลลูกค้าและแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าช่วยให้สถาบันการเงินสามารถตอบสนองลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการ แทนที่จะขาดสัญญาณ (ส่งผ่าน ข้อมูลลูกค้า) และทำให้เสียโอกาสในการจับธุรกิจ ผู้คนทำการตัดสินใจทางการเงินในช่วงเวลาสำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงาน การหย่าร้าง การมีบุตรใหม่ การสำเร็จการศึกษา และการเกษียณอายุ การตั้งค่าโปรไฟล์ข้อมูลลูกค้าของคุณเพื่อจับช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้จะเป็นการเปิดประตูสู่การจับธุรกิจของลูกค้าของคุณ รวมถึงความไว้วางใจของพวกเขาด้วย

          สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

          เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

          Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

            Yearly Budget

            How do you know us?

            6 ตัวอย่าง CDP สำหรับธุรกิจค้าปลีก [Retail Business]

            ตัวอย่าง cdp

            ในยุคการตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน นักการตลาดค้าปลีกค่อนข้างเชี่ยวชาญในการใช้ Marketing Automation สำหรับธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็นระบบอีเมลอัตโนมัติหรือ SMS หรือการจัดการแคมเปญ การยอมรับและการใช้เครื่องมือ Martech ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตัวอย่าง CDP หรือแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าเป็นผลิตภัณฑ์ Martech ล่าสุดที่ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจทุกคน

            ระบบการตลาดอัตโนมัติตามเวลาจริงที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่มั่นคง เช่น CDP สามารถยกระดับ martech stack ไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด คุณสมบัติหลักและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของ CDP คือการรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งข้อมูลและไซโลข้อมูลต่างๆ ข้อมูลลูกค้าแบบรวมช่วยให้นักการตลาดมองเห็นภาพรวมของการโต้ตอบทางออนไลน์และออฟไลน์ของลูกค้ากับแบรนด์ของตน มุมมองลูกค้าเดียวนี้ทำให้นักการตลาดสามารถเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งและให้บริการข้อเสนอและคำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านช่องทางและอุปกรณ์ที่พวกเขาต้องการ

            แต่ก่อนที่จะลองใช้เครื่องมือใดๆ นักการตลาดมักจะมองหากรณีศึกษาการใช้งานหรือกรณีศึกษาที่สามารถช่วยตรวจสอบได้ว่าเหตุใดเครื่องมือดังกล่าวจึงสามารถยกระดับธุรกิจของตนได้ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการที่แน่นอนนี้ ซึ่งก็คือ กรณีการใช้งาน CDP ที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกมีอะไรบ้าง

            6 ตัวอย่าง CDP กรณีการใช้งาน CDP สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีก

            1. การกำหนดเป้าหมายตามจุดประสงค์ของลูกค้า

            ผู้ใช้ใหม่เข้ามาที่เว็บไซต์ของแบรนด์ค้าปลีกด้วยความตั้งใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างแต่เลิกใช้ไป แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ระบุตัวตน แต่นักการตลาดสามารถกำหนดเป้าหมายบุคคลนั้นผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น การแจ้งเตือนในสถานที่และเบราว์เซอร์ ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดตามคุกกี้ของผู้ใช้ที่ไม่ระบุตัวตนผ่านทาง CDP

            อีกทางหนึ่ง เมื่อผู้ใช้แสดงความตั้งใจที่จะออกจากเว็บไซต์ แบบฟอร์มโอกาสในการขายจะปรากฏขึ้นเพื่อขอให้ลูกค้ากรอกรายละเอียด ผู้ใช้กรอกรายละเอียดและส่งแบบฟอร์ม ซึ่งส่งผลให้เขาสามารถกำหนดเป้าหมายด้วยข้อเสนอพิเศษตามฤดูกาลและสิ่งจูงใจบนช่องทางต่างๆ เช่น อีเมลและ SMS

            2. ส่งเสริมการซื้อในร้านค้าโดยติดตามพฤติกรรมออนไลน์

            การจับคู่พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้ารายย่อยกับการซื้อออฟไลน์คือสิ่งสำคัญลำดับถัดไปในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า CDP สามารถติดตาม Journey ของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย และช่วยเหลือนักการตลาดในการดึงดูดผู้ใช้ด้วยข้อเสนอที่เหมาะสมแบบเรียลไทม์

            ตัวอย่างเช่น คุณ A ไปที่เว็บไซต์ค้าปลีกและเพิ่มสินค้าบางรายการลงในรถเข็น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำการซื้อให้เสร็จสิ้นและส่งคืน ต่อมา เขาไปที่ร้านค้าปลีกของแบรนด์ และได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอพมือถือทันทีพร้อมข้อเสนอที่กำหนดเองสำหรับสินค้าที่เขาเลือกไว้ก่อนหน้านี้ทางออนไลน์ ดีนไปซื้อของเหล่านี้จากร้านทันที ที่นี่ ทันทีที่ คุณ A เข้ามาในร้าน เขาเปิดใช้ geofence แบบเรียลไทม์ ซึ่งบันทึกโดย CDP เมื่อดูที่กิจกรรมออนไลน์ที่ผ่านมาของเขา ประสบการณ์ออฟไลน์ของเขาก็เพิ่มขึ้นในร้านค้า

            3. กำหนดเป้าหมายผู้ใช้อีกครั้งหลังจากละทิ้งรถเข็นบนเว็บไซต์

            การละทิ้งรถเข็นเป็นลักษณะทั่วไปที่สังเกตได้จากผู้บริโภครายย่อยออนไลน์ ไม่มีผู้ค้าปลีกรายใดต้องการให้ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นแล้วละทิ้ง มุมมองลูกค้ารายเดียวของ CDP สามารถช่วยผู้ค้าปลีกในการกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ดังกล่าวใหม่โดยส่งการแจ้งเตือนส่วนบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ

            ในตัวอย่างข้างต้น หลังจากที่ คุณ A ละทิ้งรถเข็น เขาจะได้รับข้อความส่วนตัวผ่านทางอีเมลและการแจ้งเตือนแบบ push up ที่ผลักดันให้เขาทำการซื้อให้เสร็จสิ้น

            4. ติดตามประวัติการซื้อที่ผ่านมาและให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ตามเวลาจริง

            นักการตลาดรายย่อยสามารถใช้ CDP เพื่อวิเคราะห์ประวัติการซื้อของลูกค้าและกำหนดเป้าหมายพวกเขาบนเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถทำได้โดยการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามรูปแบบการซื้อและกำหนดเป้าหมายด้วยข้อเสนอส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาต้องการ

            ตัวอย่างเช่น คุณ A ซื้อลิปสติกยี่ห้อหนึ่งจากเว็บไซต์ค้าปลีกเป็นประจำ นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลนี้และกำหนดเป้าหมายของเธอด้วยข้อเสนอตามเวลาจริงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายคลึงกัน

            5. ส่งเสริมการซื้อออนไลน์เมื่อลูกค้าทำธุรกรรมที่ร้านค้าออฟไลน์

            บันทึกการจัดเก็บของลูกค้าสามารถใช้เพื่อปรับแต่งประสบการณ์เว็บไซต์ของพวกเขาและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ เมื่อใช้ CDP นักการตลาดสามารถดึงข้อมูลบันทึกการเยี่ยมชมร้านค้าของผู้ใช้ และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อการขายต่อเนื่องและการขายต่อยอดที่ดีขึ้น

            ตัวอย่างเช่น คุณ A ซื้อ PS4 จากร้านค้าปลีก เพื่อกระตุ้นให้เขาซื้อต่อไป แบรนด์จะดึงรายละเอียดช่องทางที่ต้องการจาก CDP ช่องทางที่ต้องการของ คุณ A คืออีเมลและการแจ้งเตือนนอกสถานที่ จากนั้นแบรนด์ก็กำหนดเป้าหมายเขาผ่านช่องทางเหล่านี้ด้วยข้อเสนอออนไลน์ที่กำหนดเองสำหรับเกม PS4 และอุปกรณ์เสริม ข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับบริบทประเภทนี้เข้ากันได้ดีกับ Mathew และเขามีแนวโน้มสูงที่จะซื้อสินค้าจากร้านค้า

            6. การรวมศูนย์บริการแบบเรียลไทม์

            นักการตลาดรายย่อยสามารถใช้ CDP เพื่อส่ง Trigger ตามเวลาจริงไปยังทีมคอลเซ็นเตอร์ของแบรนด์เมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือลูกค้าอยู่ในเว็บไซต์ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถโทรหาลูกค้าได้ทันที เข้าใจความต้องการของเขา และกระตุ้นให้เขาทำการซื้อหรือไปที่ร้านค้าใกล้เคียง

            ตัวอย่างเช่น คุณ A เป็นลูกค้าปัจจุบันที่เรียกดูเว็บไซต์ของแบรนด์ค้าปลีก นักการตลาดของแบรนด์ทราบว่า คุณ A เป็นลูกค้าที่มีมูลค่าสูง Trigger แบบเรียลไทม์จะถูกส่งไปยังคอลเซ็นเตอร์ของแบรนด์โดยใช้ CDP ตัวแทนศูนย์บริการติดต่อไ คุณ A และช่วยให้เขาปฏิบัติตามข้อกำหนด

            ตัวอย่าง CDP : บทสรุป

            กรณีการใช้งาน 6 กรณีข้างต้นเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าทำไม CDP จึงจำเป็นสำหรับธุรกิจค้าปลีก ตั้งแต่ข้อมูลลูกค้าที่ชาญฉลาดไปจนถึงการสร้างมุมมองแบบรวมไปจนถึงการเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า Connect X CDP มอบการยกระดับที่จำเป็นมากสำหรับธุรกิจค้าปลีกเพื่อให้อยู่รอดในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงนี้

            สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

            เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

            Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

              Yearly Budget

              How do you know us?

              5 เหตุผลที่คุณอาจต้องใช้ ConnectX

              5 reasons that you should use connectx

              ในฐานะนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจ คุณมักจะมองหาวิธีปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพอยู่เสมอ เครื่องมือหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้คือ ConnectX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเก็บรวบรวมลูกค้าสำหรับนักการตลาด และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่ครอบคลุม ConnectX สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและทรัพยากร ดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ให้บริการและการสนับสนุนลูกค้าที่ดีขึ้น ติดตามประสิทธิภาพ และเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะสำรวจประโยชน์มากมายของการใช้ Connect X  และวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ หากคุณพร้อมที่จะยกระดับธุรกิจของคุณไปอีกขั้น คุณควรพิจารณาใช้ Connect X

              การทำการตลาดของคุณโดยอัตโนมัติ

              เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติของ HubSpot ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ปรับปรุงและดำเนินกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ โดยอัตโนมัติ รวมถึง:

              • การตลาดผ่านอีเมล (Email Markeitng): สามารถสร้างและส่งแคมเปญอีเมลที่ตรงเป้าหมาย แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมล และติดตามความสำเร็จของแคมเปญ
              • การตลาดบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing): สามารถกำหนดเวลาและเผยแพร่โพสต์โซเชียลมีเดีย รวมถึงติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ       โซเซียลมีเดียของตนได้
              • เพิ่มยอดลีด: สามารถส่งอีเมลอัตโนมัติไปยังลูกค้าเป้าหมายโดยพิจารณาจากการกระทำและพฤติกรรมของลูกค้า
              • Workflows: เครื่องมือเวิร์กโฟลว์ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการต่างๆ โดยอัตโนมัติตาม triggers เช่น เมื่อลีดกรอกแบบฟอร์มเข้ามา

              ระบบอัตโนมัติทางการตลาดสามารถช่วยธุรกิจของคุณประหยัดเวลาและทรัพยากร และมอบประสบการณ์ทางการตลาดที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับลูกค้าของคุณ

              สร้างโอกาสในการขายมากขึ้น

              เครื่องมือสร้างโอกาสในการขายของ ConnectX ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ดึงดูดลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้พวกเขาขยายฐานลูกค้าได้ คุณสมบัติการสร้างโอกาสในการขายที่สำคัญบางประการของ Connect X รวมถึง:

              • แบบฟอร์ม: ธุรกิจสามารถใช้แบบฟอร์มของ Connect X เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าเป้าหมายบนเว็บไซต์ของตน
              • ลีดโฟลว์: สามารถสร้างแบบฟอร์มป๊อปอัปที่ปรากฏในหน้าใดหน้าหนึ่งหรือเมื่อผู้เยี่ยมชมดำเนินการบางอย่าง เช่น เลื่อนไปที่ด้านล่างสุดของหน้า
              • Chatbots: เครื่องมือสร้างแชทบอทของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สร้างแชทบอทที่สามารถมีส่วนร่วมกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมาย
              • Ads & Web tracking: Connect X มีเครื่องมือเหล่านี้มากมาย รวมถึงการผสานรวมกับแพลตฟอร์มการตลาดและการขายยอดนิยม ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าเป้าหมายจากแหล่งต่างๆ

              เครื่องมือที่ Connect X มีให้สำหรับการสร้างโอกาสในการขายจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายและขยายฐานลูกค้าของคุณ

              การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า

              ฟีเจอร์การจัดการและเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า (CDP) ของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจจัดการและติดตามการโต้ตอบและข้อมูลกับลูกค้า ทำให้สามารถให้บริการและสนับสนุนลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น คุณลักษณะ CRM ที่สำคัญบางประการของ Connect X ได้แก่:

              • Deals: Deal management ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและจัดการโอกาสในการขาย รวมถึงขั้นตอนของข้อตกลงและโอกาสในการปิดขาย
              • การส่งมอบงาน: สามารถสร้างและมอบหมายงานให้กับสมาชิกในทีม เช่น การติดตามผลกับลูกค้าหรือการกำหนดเวลาการสาธิต
              • การติดตามอีเมล: เครื่องมือนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เห็นว่าอีเมลถูกเปิดและคลิกเมื่อใด หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบแล้วหรือไม่
              • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า: CDP ของ Connect X ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากร ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

              เมื่อใช้ CDP ของ Connect X ธุรกิจของคุณจะมีความพร้อมมากขึ้นในการให้บริการและการสนับสนุนลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

              เพิ่มผลผลิตการขาย

              เครื่องมือการขายของ Connect X สามารถช่วยให้ธุรกิจปิดดีลได้มากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการขายด้วยการให้ข้อมูลและฟังก์ชันที่จำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ วิธีหลักบางประการที่ Connect X สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขาย ได้แก่ :

              • ระบบการขายอัตโนมัติ: ด้วยเครื่องมือการขายอัตโนมัติของ Connect X ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับปรุงและทำให้กระบวนการขายเป็นแบบอัตโนมัติ เช่น การมอบหมายลูกค้าเป้าหมาย แคมเปญอีเมล และการจัดการงาน
              • การวิเคราะห์การขาย: ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อัตราการปิดดีล ขนาดดีลเฉลี่ย และระยะเวลาวงจรการขาย เพื่อระบุแนวโน้มและส่วนที่ต้องปรับปรุง
              • การจัดกำหนดการประชุม: ทีมขายสามารถกำหนดเวลาและจัดการการประชุมกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและลูกค้าได้โดยตรงจาก CDP ช่วยประหยัดเวลาและลดข้อขัดแย้งในการกำหนดเวลา
              • การทำงานร่วมกัน: ทีมขายสามารถแบ่งปันและทำงานร่วมกันในข้อตกลง เอกสาร และงาน ปรับปรุงการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพ

              เมื่อทีมของคุณมีข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับกระบวนการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาจะปิดดีลได้มากขึ้นโดยธรรมชาติ

              ติดตามประสิทธิภาพและทำความเข้าใจลูกค้าของคุณ

              Connect X นำเสนอเครื่องมือวิเคราะห์และการรายงานที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพและเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ประโยชน์หลักบางประการของการวิเคราะห์และการรายงานของ Connect X ได้แก่:

              • แดชบอร์ดที่กำหนดเอง: สามารถสร้างมุมมองที่กำหนดเองสำหรับข้อมูลของตน รวมถึงเมตริกหลัก เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ โอกาสในการขายที่สร้างขึ้น และต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า
              • การวิเคราะห์การตลาด: เครื่องมือวิเคราะห์การตลาดของ Connect X t ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามความสำเร็จของแคมเปญการตลาด รวมถึงจำนวนของโอกาสในการขายที่สร้างขึ้น จำนวนการแปลง และต้นทุนต่อโอกาสในการขาย
              • การวิเคราะห์การขาย: ธุรกิจต่างๆ สามารถติดตามประสิทธิภาพของทีมขาย รวมถึงเมตริกต่างๆ เช่น อัตราการปิดดีล ขนาดดีลเฉลี่ย และความยาวรอบการขาย
              • การวิเคราะห์ลูกค้า: เครื่องมือวิเคราะห์ลูกค้าของ Connect X ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถติดตามและทำความเข้าใจพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากรของลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยปรับแต่งการตลาดและการขายของตนได้
              • รายงานที่กำหนดเอง: ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างและแชร์รายงานกับทีมหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ ลีด การขาย และพฤติกรรมของลูกค้า

              เครื่องมือวิเคราะห์และรายงานของ Connect X สามารถช่วยธุรกิจติดตามประสิทธิภาพ ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเพื่อทำให้ธุรกิจเติบโต โดยสรุปแล้ว Connect X เป็นแพลตฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจปรับปรุงและทำให้ความพยายามด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติ หากคุณต้องการเติบโตและประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน คุณควรพิจารณาถึงประโยชน์มากมายของการใช้ Connect X

              สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                Yearly Budget

                How do you know us?

                Customer Relationship Management (ระบบ CRM) สำคัญอย่างไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี?

                Customer-Relationship-Management

                ปัจจัยที่ทำให้องค์กรธุรกิจทั้งหลายประสบความสำเร็จได้ ไม่เป็นเพียงแค่การเพิ่มช่องทางการขายและการบริการที่ดีเท่านั้น แต่การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับองค์กรธุรกิจหรือ Customer Relationship Management (CRM) คือ “กุญแจ” สำคัญในยุคปัจจุบัน

                Customer Relationship Management (ระบบ CRM) สำคัญอย่างไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี?

                ปัจจัยที่ทำให้องค์กรธุรกิจทั้งหลายประสบความสำเร็จได้ ไม่เป็นเพียงแค่การเพิ่มช่องทางการขายและการบริการที่ดีเท่านั้น แต่การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับองค์กรธุรกิจหรือ CRM คือ “กุญแจ” สำคัญในยุคปัจจุบัน

                เนื่องจากการซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกมาก สามารถค้นหาสินค้าหรือบริการที่คล้ายกันพร้อมเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย จึงต้องมีสิ่งที่องค์กรธุรกิจใช้มัดใจลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำๆ และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับตัวให้ทันโลกตลอดเวลา

                วันนี้ Connect X จะพามาแนะนำให้รู้จัก CRM ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ พร้อมพามาดูตัวอย่างแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ระบบ CRM เข้ามาบริหารจัดการองค์กรและการให้บริการลูกค้า

                Customer Relationship Management หรือ ระบบ CRM คืออะไร

                CRM คือ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าเอาไว้ให้ได้นานที่สุด พร้อมสร้างโอกาสจากบุคคลที่มีศักยภาพในการเป็นลูกค้า (Potential Customer) โดยมุ่งเน้นไปในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและการปฏิสัมพันธ์แบบเฉพาะตัวอย่างมีคุณค่า รวมถึงการนำเสนอสินค้าอย่างถูกที่ถูกเวลาอีกด้วย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องอาศัยการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคมาวิเคราะห์ เพื่อหากลยุทธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

                Tips: บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ CRM (Customer Relationship Management)

                ระบบ CRM สำคัญกับธุรกิจอย่างไร

                • ช่วยปรับปรุงการบริการ ตั้งแต่ช่วงต้นน้ำ-ปลายน้ำ กล่าวคือตั้งแต่เริ่มขายไปจนถึงการบริการหลังการขาย เช่น แบรนด์สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าได้ตรงความต้องการของลูกค้าตามข้อมูลที่ได้มา ทำให้ปิดการขายได้รวดเร็ว สามารถให้บริการหลังการขายได้อย่างตรงจุด และสามารถส่งโปรโมชันใหม่ๆ กับลูกค้าได้ผ่านระบบสมาชิก
                • เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้า เพราะสามารถนำข้อมูลประวัติการซื้อหรือความสนใจของบุคคลที่มีศักยภาพที่จะเป็นลูกค้าได้ มาวางแผนกลยุทธ์และทำการตลาด เพื่อโน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อสินค้า เช่น ส่งคำแนะนำสินค้าและโปรโมชัน ระบบการแจ้งเตือนผ่านแพลตฟอร์มให้ลองทบทวนการซื้ออีกครั้ง เป็นต้น
                • มัดใจลูกค้าขาจรเป็นขาประจำ เนื่องจากระบบ CRM จะช่วยติดตามและเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนไว้ ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาต่อยอดให้เกิดการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) เพื่อสร้างคุณค่าและสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าได้ พร้อมกับช่วยให้พนักงานสามารถตอบคำถามหรือแนะนำการบริการได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ผ่านการรวบรวมช่องทางการบริการเข้าไว้ด้วยกันในรูปแบบ Omni Channel ไม่ว่าจะให้บริการที่หน้าร้านหรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็สามารถเชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ จนทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และอยากกลับมาซื้อซ้ำ
                • มีความน่าเชื่อถือ เมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจในการให้บริการทุกมิติแล้ว ก็สามารถแนะนำคนอื่นต่อๆ ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางปากต่อปาก (Word of Mouth) และการรีวิวในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งจะทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น มีชื่อเสียงด้านบวกเพิ่มมากกว่าเดิม
                • บริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว สำหรับองค์กรธุรกิจที่เลือกใช้ระบบ CRM จะทำให้มีการรวมข้อมูลไว้อย่างเป็นระเบียบ และมีช่องทางการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเรื่องการบริหารจัดการ สามารถประเมินและวัดผลต่างๆ ได้ชัดเจน
                • สร้างแคมเปญการตลาดได้ตามเป้าหมาย เพราะระบบ CRM จะช่วยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกและยังช่วยวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต ทั้งกำไร ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว และกำหนดขอบเขตของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ในอนาคต
                • ลดค่าใช้จ่าย การใช้ระบบ CRM จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทุ่มงบประชาสัมพันธ์สำหรับลูกค้าใหม่ ลดกิจกรรมทางการตลาดที่ได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า และสามารถนำต้นทุนส่วนนี้มาใช้ในการรักษาฐานลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
                Tips: บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ และระบบ CRM
                [/col]

                3 แบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Customer Relationship Management

                • Apple

                ผู้ครองตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์ใดของ Apple อย่าง iPhone, iPad, MacBook จะมีการเข้าระบบด้วย Apple ID เพื่อใช้งานบริการของ Apple และเชื่อมทุกอุปกรณ์เข้าหากัน ซึ่ง Apple ได้ใช้ระบบ CRM ในการเก็บข้อมูล บันทึกการความสนใจต่างๆ ของผู้ใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำตามความต้องการโดยอิงจากสิ่งที่ชอบ อีกทั้งยังเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า เพื่อต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีความแม่นยำ ตรงเป้าหมาย และตัดสินใจซื้อได้อย่างง่ายดาย

                • Amazon

                เว็บไซต์แพลตฟอร์ม E-Commerce เจ้าดังระดับโลก มีโครงสร้างพื้นฐาน CRM ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่ง เพื่อแนะนำข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าแบบรายบุคคล ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำและโปรโมชันต่างๆ ซึ่งสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ของผู้ใช้ได้ทันที โดยใช้ข้อมูลจากบัญชี Amazon ที่สามารถติดตามประวัติการซื้อและการเข้าชม เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีระบบการแจ้งเตือนสินค้าที่เลือกไว้ในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ชำระเงิน และระบบที่ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้ง่ายในการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง

                • Coca Cola

                บริษัทเครื่องดื่มอัดลมระดับโลกที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน บริษัท Coca-Cola ได้ใช้ CRM เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการภายใน ซึ่งทำให้ช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถระบุและบันทึกปัญหาหรือข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากลูกค้าหรือซัพพลายเออร์ก็สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายและเป็นระบบ เพื่อส่งต่อให้ทีมช่างหรือทีมบริการหลังการขายเข้าไปแก้ไขได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้สมาชิกของทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า ทั้งประวัติการซื้อ พฤติกรรม และความสนใจผ่านมือถือได้จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งช่วยให้ได้รับข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อส่งเสริมข้อเสนอพิเศษและโปรโมชันได้อย่างเจาะจงและตรงกลุ่มเป้าหมาย

                Tips: ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและใช้ระบบ CRM

                หลังจาก Connect X ได้แนะนำมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า Customers Relationship Management (CRM) หรือระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า เป็นตัวช่วยทางธุรกิจที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกออนไลน์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากธุรกิจไหนสามารถเก็บข้อมูลและสานสัมพันธ์กับลูกค้าไว้ได้พร้อมๆ กันแล้วไม่ว่าจะโลกจะหมุนไปไวแค่ไหน ธุรกิจของก็จะก้าวข้ามคู่แข่ง และไม่ตกเทรนด์โลกอย่างแน่นอน

                ส่วนใครที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่มีระบบ CRM ในตัวที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูง Connect X คือแพลตฟอร์ม CDP ที่คุณกำลังมองหา เพราะมีการรองรับ PDPA และมีเครื่องมือเก็บข้อมูลลูกค้าที่มาพร้อมกับระบบ CRM ในตัว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Marketing Automation กับ AI อัจฉริยะที่คอยช่วยเรื่องการตลาดแบบอัตโนมัติด้วย จึงมั่นใจได้ว่า Connect X มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และพร้อมที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด

                [/row]

                สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

                เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

                Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

                *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (Mar tech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                  Yearly Budget

                  How do you know us?

                  CRM (Customer Relationship Management) กับ CDP แตกต่างกันอย่างไร?

                  มาทราบถึงความแตกต่างของ CRM (Customer Relationship Management) และ CDP (Customer Data Platform)

                  การทำ Digital Marketing (การตลาดดิจิทัล) เป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้สำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ ในยุคปัจจุบันที่ต้องการเข้าหาลูกค้าอย่างทั่วถึง ประสิทธิภาพของการทำ Marketing จะเพิ่มมากขึ้นหากสามารถนำ ‘ข้อมูล’ มาใช้ได้ครับ จึงเป็นสาเหตุให้นักการตลาดเริ่มหันมาใช้ระบบต่างๆ ในการบริหารความสัมพันธ์และจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า

                  หลายคนอาจสับสนระหว่างระบบเหล่านี้ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และระบบทั้งสองจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกันรึเปล่า ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับระบบ CRM (Customer Relationship Management) และ CDP (Customer Data Platform) กันครับ

                  CRM คืออะไร? 

                  CRM หรือ Customer Relationship Management สามารถเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า’ นิยามได้ว่าเป็นการบริหารความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าหรือบุคคลที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นลูกค้านั่นเองครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนๆ ก็ต้องการลูกค้าเพิ่มมากขึ้นและ Customer Loyalty ที่มากขึ้น

                  ในปัจจุบันนี้ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ  ระบบ CRM (Customer Relationship Management) ก็คือโซลูชั่นที่เกิดมาเพื่อช่วยจัดการปัญหางานขายและปัญหาลูกค้าที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ การปรับปรุงกระบวนการขายผ่าน Sales Funnel ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการติดตามงานขาย และดูแลเคสปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว CRM จะเป็นกระบวนที่เกิดขึ้นหลังการหลังจากการทำการตลาดครับ

                  CDP คืออะไร?

                  CDP มีชื่อเต็มๆ ว่า Customer Data Platform เป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการข้อมูลลูกค้าในระบบต่างๆ และจากทุกแหล่งในองค์กรเข้าด้วยกัน ถือเป็นฐานลับของแบรนด์ก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากการเก็บข้อมูลแล้ว ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกหรือ Customer Insight เพื่อให้นักการตลาดนำมาทำ Personalized Marketing ได้อย่างแม่นยำครับ ซึ่งระบบ CDP ในปัจจุบันจะมีความสามารถ ดังนี้

                  • CDP สามารถรวมกับระบบ API ต่างๆ ได้ เช่น POS หรือ ERP
                  • CDP เก็บข้อมูลในแหล่งเดียวได้ ทำให้วิเคราะห์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
                  • CDP สามารถเปิดเผยลักษณะของลูกค้าเพื่อใช้ทำการตลาดแบบ Personalized Marketing
                  • CDP เก็บข้อมูลที่เป็นบริบท ประวัติย้อนหลัง และข้อมูลทั่วไปของลูกค้า แยกเป็นสัดส่วนได้แบบชัดเจน

                  CRM vs. CDP ทั้งสองต่างกันอย่างไร? 

                  ในขณะที่ CDP จะเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าทุกคนจากหลายๆ แหล่งที่ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าและบริการของแบรนด์ ไม่ว่าจะผ่านโซเชียลมีเดีย, เว็บไซต์, POS, หรือ E-Commerce ไว้ในที่เดียวกัน ส่วนระบบ CRM (Customer Relationship Management) จะเก็บข้อมูลของลูกค้าจาก Point of Sale หรือจากจุดที่ลูกค้าได้มีการติดต่อ ซื้อขายสินค้าและบริการกับพนักงานของแบรนด์

                  CRM จะบอกได้ถึงประวัติการซื้อขายและการติดต่อกับทีม Sale ส่วน CDP นั้นจะเก็บข้อมูลตั้งแต่เมื่อลูกค้าคลิกเข้ามาดูสินค้า ว่ามาจากช่องทางไหน เห็นสินค้าจากโฆษณาอะไร ลูกค้าคลิกเข้ามาดูสินค้ารึเปล่า ทำให้เกิดข้อมูลเชิงลึกมากกว่าครับ

                  การทำงานควบคู่ไปด้วยกัน

                  ปัจจุบันนี้แพลตฟอร์ม CDP มักมาพร้อมกับระบบ CRM ในตัว ทำให้นักการตลาดไม่ต้องสับสนกับการ Integrate หลายๆ ระบบเข้าด้วยกัน สามารถทำ Marketing ได้จากระบบเดียวอย่างสะดวก ซึ่ง ConnectX เป็นหนึ่ง Marketing Platform ที่มีระบบ Customer Relationship Management ในตัวพร้อมกับฟีเจอร์ทันสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ Create Lead จากช่องทางต่างๆ, Sales Path ที่ทำให้พนักงานจัดการกับ Status ลูกค้าได้ง่ายขึ้น สามารถรองรับ Loyalty Program ได้ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมไปถึงการทำ Real-Time Marketing Automation อีกด้วย ครับ

                  บทความอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ระบบ CRM (Customer Relationship Management)

                  สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

                  เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

                  Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                    Yearly Budget

                    How do you know us?

                    CDP คืออะไร ทำไมทุกแบรนด์ ต้องมี CDP (Customer Data Platform)

                    cdp-คืออะไร-ทำไมทุกแบรนด์-ต้องมี-cdp-customer-data-platform

                    CDP คืออะไร ?

                    ทำไมทุกแบรนด์ต้องมี Customer Data Platform?
                    ถ้าไม่มี Customer Data Platform แล้วจะอยู่รอดไหม ในยุค Digital Transformation 

                    ก่อนอื่นแอดมินขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Customer Data Platform กันก่อนครับ

                    Customer Data Platform คือ ฐานลับของแบรนด์ที่มีไว้วิเคราะห์และเก็บข้อมูลลูกค้า โดยคำว่า CDP ย่อมาจาก Customer Data Platform นั่นเองครับ

                    ทำไมต้องเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ใน CDP ?

                    CDP คือ โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักการตลาดโดยเฉพาะ ที่ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูลลูกค้าแต่สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูล จนทำให้นักการตลาดรู้ลึกถึง Customer Insight ทำให้ Brand สามารถทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ได้แม่นยำยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

                    แล้ว CDP จาก Platform แบบไหนล่ะ ถึงจะตอบโจทย์ Brand มากที่สุด ?

                    วันนี้ผมได้คัดตัวอย่าง Feature หลักๆของ Customer Data Platform สำหรับ Brand ยุค Digital
                    จาก Marketing Platform ของ Connect X ฉบับเข้าใจง่ายๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยครับ

                    1. Customer Single View 

                    ยิ่งเก็บข้อมูลเยอะเท่าไหร่ ยิ่งต้องมี Customer Single View

                    Customer Single View  คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับ Brand ในยุคนี้ เนื่องจากหากข้อมูลของลูกค้าอยู่อย่างกระจัดกระจาย จะทำให้นักการตลาดไม่สามารถทำการสื่อสารการตลาดได้อย่างแม่นยำ เพื่อมองเห็นภาพรวมทุกการเชื่อมต่อของลูกค้ากับ Brand ในมุมมองเดียว Customer Single View จะทำให้ Brand สามารถสื่อสารการตลาด ไปยังลูกค้าแต่ละคนได้แบบแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อมาจากช่องทางไหน Brand ก็สามารถมองเห็นภาพรวมของลูกค้าและประสานประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) เป็นหนึ่งเดียวได้ทั้งช่องทาง Online และ Offline แบบ Omni-Channel

                    CDP จาก Platform ของ Connect X ได้เข้ามาตอบโจทย์ Brand ในการทำการตลาดยุคใหม่ ที่ต้องเชื่อมต่อทุกประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหนึ่งเดียวแบบไม่มีสะดุด ด้วย Global Id อาวุธลับเฉพาะของ Connect X ที่สามารถจับคู่ทุกข้อมูลของลูกค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวได้ เพื่อให้ Brand สามารถทำการตลาดแบบ Personalization เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น

                    2. API-Connect

                    จบปัญหา เก็บข้อมูลไว้หลายที่ แล้วงงไปหมดว่าใครเป็นใครด้วย API-Connect

                    Connect X ช่วยให้ Brand สามารถเชื่อมต่อ (Integrate) กับทุกฐานข้อมูลลูกค้าในระบบหลังบ้านที่ Brand ใช้อยู่ไม่ว่าจะระบบไหน เช่น POS, ERP เข้าถึงทุกข้อมูลของลูกค้า ใน Center เดียว เช่น พฤติกรรมการซื้อสินค้า, แคมเปญโปรโมชั่นที่ลูกค้าแต่ละคนชอบใช้, สินค้าที่ซื้อเป็นประจำ เป็นต้น ทำให้ Brand สามารถสื่อสารการตลาด ส่ง Promotion ให้ลูกค้าได้โดนใจยิ่งขึ้นแบบ Paersonalization พร้อม Connect กับลูกค้าได้แบบไม่มีสะดุด

                    3. ระบบ AI ที่ช่วยให้ Brand รู้ใจลูกค้าถึง Insight

                    ไม่ใช่แค่รู้จักหรือรู้ใจ แต่รู้ลึกถึง Customer Insight ด้วย ระบบ AI Predictive Lead Scoring ช่วยจัดลำดับลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสินค้าสูงที่สุด ทำให้ Brand สามารถทำแคมเปญการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น

                    ยุคนี้ AI กลายเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องมี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถได้มากกว่า ระบบ AI ทำให้ทุกข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องง่ายด้วยการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นอย่างระบบ (Data Analysis) รู้ลึกถึง Customer Insight แบบ 360° ทำให้ Brand Connect กับลูกค้าได้ในทุกๆการเชื่อมต่อทั้ง Offline และ Online แบบไม่มีสะดุด (Omni-Channel) 

                    4. Real-time Marketing Automation

                    CDP ที่ดี ต้อง Real-time และมาพร้อมเพื่อนคู่ซี้อย่าง Marketing Automation

                    เพราะถึงแบรนด์จะรู้ใจลูกค้าแค่ไหน คงไร้ประโยชน์ถ้าตอบสนองความต้องการไม่ได้ในทันที ทำให้ Markerting Platform จาก Connect X มาพร้อมทั้ง Customer Data Platform และ Marketing Automation ที่จะเข้ามาช่วย Brand ยุคนี้ ให้สามารถรู้ใจลูกค้าถึง Customer Insight แล้วตอบสนองได้ในทันที พร้อมเครื่องมือทำการตลาดอัตโนมัติ

                    นักการตลาดสามารถสร้าง Customer Journey พร้อมบริการส่ง SMS, Email Marketing และการยิงโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆเช่น Facebook, Line, Twitter, Instragram หรือ Pantip ได้แบบ Real-Time

                    สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม Customer Data Platform ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

                    เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม Customer Data Platform & Marketing Automation

                    Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

                    *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Tranformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (Martech) และ Customer Data Platform ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                    [/featured_box]

                      Yearly Budget

                      How do you know us?