Author Archives: connectx

Marketing Automation มีอะไรบ้าง ? เปิดกรณีศึกษาจากแบรนด์ดังระดับโลก

Marketing-Automation-มีอะไรบ้าง

Marketing Automation มีอะไรบ้าง ? เปิดกรณีศึกษาจากแบรนด์ดังระดับโลก

Connect X ขอนำเสนอเคล็ดลับเด็ดจาก 3 แบรนด์ระดับโลกที่ใช้ Marketing Automation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจไทยสามารถนำไปปรับใช้ เพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของชีวิต ผู้คนสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้จากทุกมุมโลก ภาคธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน การแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่เดียวหรือประเทศเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นการแข่งขันในระดับโลก ลูกค้าในวันนี้มีทางเลือกมากมาย และสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการจากที่ไหนก็ได้ ทำให้ธุรกิจต้องหาวิธีเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความได้เปรียบอย่างชัดเจนคือ “การตลาดแบบอัตโนมัติ” หรือ Marketing Automation ซึ่งสามารถเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าตัวจริง และส่งมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์แบบเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ

Marketing Automation มีอะไรบ้าง และทำงานอย่างไร?

Marketing Automation คือการใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มเข้ามาช่วยบริหารกิจกรรมทางการตลาดให้เป็นระบบและแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลลูกค้า การวิเคราะห์พฤติกรรม ไปจนถึงการส่งแคมเปญหรือข้อเสนอให้ลูกค้าแต่ละรายในช่วงเวลาที่เหมาะสม ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Email, SMS, Social Media หรือเว็บไซต์

แพลตฟอร์ม Marketing Automation ส่วนใหญ่มักมาพร้อมระบบเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เช่น การเข้าชมหน้าเว็บไซต์ การคลิกดูสินค้า การเพิ่มของลงตะกร้า หรือการสมัครรับข่าวสาร จากข้อมูลเหล่านี้ ระบบจะคำนวณเป็นคะแนนที่เรียกว่า Lead Score เพื่อประเมินความสนใจของลูกค้าในแต่ละราย

เมื่อคะแนนถึงเกณฑ์ ระบบจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น การส่งอีเมลพร้อมโปรโมชันเฉพาะบุคคล การนำเสนอสินค้าแนะนำ หรือแม้แต่การทักแชทแบบ Real-time เพื่อปิดการขาย ซึ่งเป็นตัวอย่างของการทำ Personalized Marketing ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยน “ผู้สนใจ” ให้กลายเป็น “ลูกค้า” ได้มากขึ้น และทำให้ประสบการณ์ของผู้บริโภคในแต่ละขั้นตอนมีความราบรื่นและตรงใจมากยิ่งขึ้น

เคล็ดลับ Marketing Automation จากแบรนด์ดังระดับโลก

เมื่อรู้แล้วว่า Marketing Automation คืออะไร ถ้าอย่างนั้นขอพาเจ้าของแบรนด์ทุกท่านมาดูกันว่าแบรนด์ยอดนิยมระดับโลกใช้งานระบบนี้เพื่อเอาใจลูกค้าได้อย่างไรบ้าง โดย Connect X ได้คัดมาให้แล้ว 3 แบรนด์ดัง ได้แก่

1. Netflix

กรณีศึกษา Marketing Automation ที่ดีแบรนด์หนึ่งคือ Netflix เว็บสตรีมมิ่งที่มียอดผู้ใช้งานเป็นอันดับ 1 ของโลก ที่พัฒนาจากร้านเช่าวิดีโอเล็กๆ จนกลายเป็นแอปฯ ติดมือถือของคนทั่วโลก ตัวช่วยสำคัญให้ Netflix สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานในทุกวันนี้ได้ คงหนีไม่พ้น Marketing Automation ที่ช่วยเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และประมวลผล ไปสู่การสร้างเนื้อหาแบบเฉพาะเจาะจงแบบรายบุคคล (Personalized Content) ได้เป็นอย่างดี เคล็ดลับของ Netflix คือ

  • การสร้างประสบการณ์เหนือระดับ Netflix ได้สร้างประสบการณ์ที่มีเฉพาะ “คุณ” เท่านั้น ด้วยการใช้ Marketing Automation รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI ขั้นสูง มีการใช้อัลกอริทึมที่ปรับแต่งมาอย่างดี เพื่อให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากที่อื่น สังเกตเห็นได้จากฟีเจอร์แนะนำหนังที่ผู้ชมน่าจะชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะมีความแม่นยำสูงและตรงใจ โดยระบบนี้ส่งผลให้มีการรับชมเนื้อหามากถึง 80% บนแพลตฟอร์ม การสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะแบบรายบุคคลอย่างละเอียดรูปแบบนี้ เกิดขึ้นจากการสร้างโปรไฟล์โดยการให้ผู้ชมเลือกประเภทของความชอบ ที่หลากหลาย ด้วยตัวกรองที่มีความยืดหยุ่นสูง เมื่อผู้ชมเลือกประเภทของหนังและตัวอย่างหนังที่ชอบ จะทำให้มีการจัดประเภทของความชอบที่เหมาะสมได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นประวัติการเข้าชม รายการที่ชื่นชอบ และการตั้งค่าแจ้งเตือน ทั้งหมดจะถูกนำมาประมวลผล เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ชมที่ดียิ่งขึ้น
  • มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมด้วย Email Marketing เคล็ดไม่ลับที่เหล่าแบรนด์ดังใช้กันอย่างแพร่หลาย และยังคงได้ผลดีคือการใช้ Email Marketing ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนตั้งแต่การสมัครสมาชิกเสร็จสิ้น ด้วยการส่งอีเมลต้อนรับ หลังจากนั้น Netflix จะทำการจัดแบ่งกลุ่มของผู้ชม แล้วจึงส่งเนื้อหาที่แนะนำและข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไปให้ โดยอ้างอิงจากความชอบของผู้ชมแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังมีการส่งเนื้อหาแนะนำที่ดึงดูดผู้คนด้วยเนื้อหาที่ติดเทรนด์ของภายในประเทศและติดเทรนด์ทั่วโลก รวมถึงการแนะนำเนื้อหาที่สอดคล้องกับเทศกาลต่างๆ เช่น คริสต์มาส ฮาโลวีน วาเลนไทน์ และอื่นๆ ซึ่งวิธีนี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมที่ห่างหายไปกลับมารับชมใหม่ได้อย่างเห็นผล

2. Panasonic

แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Panasonic ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่การมียอดขายจำนวนมากจากรูปแบบ B2C (Business-to-Customer) เท่านั้น แต่ยังมียอดขายจากบริษัทกว่า 300,000 แห่งทั่วโลกในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) อีกด้วย ซึ่ง Panasonic ก็ได้ใช้กลยุทธ์ Marketing Automation โดยเริ่มจากสาขาในฝั่งของยุโรปและนำไปปรับใช้กับสาขาทั่วโลก ซึ่งผลจากการใช้ Marketing Automation ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 10% ไปถึง 26% และยังมีการประสานงานกับระบบ CRM (Customer Relationship Management) อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนแคมเปญได้อีก 5 เท่า ซึ่งสิ่งที่ Panasonic ทำได้เป็นอย่างดี ได้แก่

  • การติดต่ออย่างเหมาะสมและถูกจังหวะ การที่มีระบบ Marketing Automation นั้นจะช่วยให้ธุรกิจส่งข้อมูลได้อย่างไม่จำกัดและยังสามารถส่งได้ตลอดเวลา แต่หากใช้เครื่องมือนี้อย่างไม่เหมาะสมด้วยการส่งข้อมูลจำนวนมากให้กับคู่ค้าหรือลูกค้าบ่อยเกินไป อาจส่งผลเสียต่อแบรนด์ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ทีมการตลาดของ Panasonic จึงมีการควบคุมการติดต่อสื่อสารให้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อไตรมาส โดยมีฐานข้อมูลที่มีความละเอียดที่แบ่งตามภาษา ประเทศ ประเภทธุรกิจ และอื่นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับสถานการณ์แก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับลูกค้าได้รูปแบบหนึ่ง
  • เพิ่มโอกาสใหม่ๆ ด้วยช่องทางที่หลากหลาย จากรูปแบบการทำงานของระบบ Marketing Automation ทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้ง่าย พร้อมการจัดการที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นตามด้วยการเพิ่ม Lead ของระบบ Marketing Automation ถึงแม้ Panasonic จะเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มียอดขายสูงอยู่แล้ว แต่ยังมีการปรับตัวเข้าสู่ยุคสมัยอยู่ตลอด ไม่เพียงแค่การมีแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ของตัวเองเท่านั้น ยังมีการเพิ่มช่องทางบนสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ อีกด้วย ตัวอย่างที่ดีของ Panasonic คือ หลังจากเริ่มโปรโมทแบรนด์ผ่าน LinkedIn เพียง 18 เดือน มีผู้ติดตามถึง 3,000 คน และในแคมเปญที่มีการเผยแพร่จำนวนหนึ่งมีอัตราการมีส่วนร่วมสูงถึง 5% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของแพลตฟอร์มปกติ 2 – 3% เลยทีเดียว

3. McAfee

แน่นอนว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักบริษัทซอฟต์แวร์ป้องกันและกำจัดไวรัสบนคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง McAfee อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันยังได้ให้บริการด้านความปลอดภัยของเครือข่ายและระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลก บริษัท McAfee มีการใช้ Marketing Automation เพื่อรวบรวมคนที่มีศักยภาพในการเป็นลูกค้า (Lead) และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมใช้เพื่อปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น จึงทำให้ McAfee มีอัตราของลูกค้าเก่าต่ออายุการใช้งานเพิ่มขึ้น 50% รวมทั้งยังได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 50% โดยเคล็ดลับของ McAfee คือ

  • กำหนด Lead Score อย่างเหนือชั้น จุดแข็งของ Marketing Automation คือระบบ Lead Scoring แต่ปัญหาคือเมื่อมีการเพิ่ม Lead ได้จำนวนมากแล้ว แต่ Lead เหล่านั้นอาจไม่มีคุณภาพมากพอ กล่าวคือ Lead ไม่ได้พัฒนาสู่การเป็นลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าและปิดการขายได้จริง ส่งผลให้เกิดปัญหาระหว่างทีมการตลาดและทีมขายเป็นอย่างมาก แต่ McAfee ได้ทำการแก้ปัญหาโดยการยกระดับเรื่องการจัดแบ่งหมวดหมู่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อติดตามและดูแล รวมถึงเพื่อให้คะแนนแบบรายบุคคล ซึ่งการจัดหมวดหมู่ Lead เพื่อติดตามและดูแลรายบุคคลนี้จะช่วยสร้างความประทับใจ และให้บริการที่ครอบคลุมได้มากกว่ารูปแบบเดิม ถึงแม้ว่าจำนวน Lead ในภาพรวมจะลดลงไป แต่ McAfee ก็ได้ Lead ที่มีคุณภาพมากขึ้นแทน จนปิดการขายได้สำเร็จ โดยมีอัตรา Conversion Rate มากขึ้นเป็น 4 เท่า กระบวนการดังกล่าวช่วยให้ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น และลดปัญหาที่เกิดตามมาได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถให้คำปรึกษาที่เหมาะสม และมีการบริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยในด้านการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
  • รวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ปัจจุบันนี้เครื่องมือทางการตลาดที่เข้ามาช่วยธุรกิจในด้านต่างๆ นั้นมีจำนวนมาก หากภายในบริษัทหนึ่งมีการใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความแตกต่างกันมากกว่า 1 แพลตฟอร์ม จะสร้างความสับสน ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและเกิดความผิดพลาดต่อภาพรวมของธุรกิจได้ ซึ่ง McAfee ก็เคยพบปัญหาเหล่านั้น ทำให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ต้องใช้เวลาถึง 3 วัน จึงจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและพร้อมแก้ไขปัญหาได้ แต่เมื่อ McAfee เลือกใช้แพลตฟอร์มที่มี Marketing Automation ที่มีฟีเจอร์หลากหลายและให้พนักงานทุกแผนกใช้แพลตฟอร์มเดียวกันทั้งหมด ทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและประสานงานกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แพลตฟอร์มดังกล่าวได้ช่วยเก็บรวบรวม ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอย่างเป็นระบบ สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมี UI (User Interface) ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานได้เต็มที่ นอกจากนี้แพลตฟอร์มดังกล่าวยังช่วยให้ฝ่ายขายสามารถติดต่อกับผู้ใช้งานได้โดยตรงอย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้คำแนะนำและการบริการที่เหนือระดับ

จากที่ Connect X ได้แนะนำเคล็ดลับต่างๆ จาก 3 แบรนด์ดัง จะเห็นได้ว่าธุรกิจนั้นควรใช้ Marketing Automation ให้เหมาะสมกับรูปแบบและวิธีทำงาน และพร้อมที่จะทดลองและก้าวข้ามสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีจุดมุ่งหมายในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ สำหรับ Marketing Automation นั้นเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับความนิยม จนทำให้หลายๆ องค์กรนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย หากลองนำเคล็ดลับต่างๆ ไปปรับใช้รับรองว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานในปัจจุบัน และมุ่งสู่การเป็นผู้นำทางการตลาดได้อย่างแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่มี Marketing Automation ในตัว Connect X คือแพลตฟอร์ม Customer Data Platform (CDP) ที่รวมฟีเจอร์เด็ดๆ ไว้ในที่เดียว พร้อมการใช้งานที่ง่ายเพียงปลายนิ้ว พร้อมช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้ Connect เข้าหาลูกค้าได้แบบไร้รอยต่อ

ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

*รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

    Yearly Budget

    How do you know us?

    ที่สุดของ Marketing Platform ที่นักการตลาดยุคนี้ขาดไม่ได้

    Marketing-Platform

    Marketing Platform อาวุธลับของนักการตลาดยุคใหม่ ที่มากกว่าแค่ส่งข้อความ

    ในปี 2025 โลกของการตลาดไม่ได้หมุนรอบแค่การโฆษณาหรือสร้าง Awareness อีกต่อไป แบรนด์ที่อยู่รอดได้ในยุคนี้คือแบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า รู้ว่าลูกค้าคือใคร ต้องการอะไร และต้อง “ส่งมอบ” ประสบการณ์ที่ตรงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือเหตุผลที่ “Marketing Platform” กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม

    แต่ Platform ที่ดีไม่ได้วัดกันแค่จำนวนฟีเจอร์เท่านั้น ความสามารถในการปรับให้เข้ากับแต่ละแบรนด์ และการเชื่อมต่อทุกมิติของข้อมูลลูกค้าเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) คือมาตรฐานใหม่ที่นักการตลาดต้องมองหา

    ConnectX ในฐานะ Marketing Platform สัญชาติไทยที่เข้าใจตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเอเชียอย่างลึกซึ้ง จึงออกแบบระบบให้รองรับความต้องการแบบครบวงจร ตั้งแต่การเก็บ วิเคราะห์ ไปจนถึงการสื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ด้วยฟีเจอร์ที่ทรงพลัง 4 ด้านนี้

    4 เหตุผลที่นักการตลาดยุคนี้ ต้องมี Connect X

    1. Customer Data Platform (CDP): แพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลแบบ 360°

    โลกการตลาดในปี 2025 ขับเคลื่อนด้วย “ข้อมูล” แต่ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลให้มากที่สุด แบรนด์ต้องสามารถเข้าใจบริบทของข้อมูลด้วย ซึ่ง CDP ของ ConnectX ช่วยให้คุณ:

    • รวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว (Unified Profile)

    • วิเคราะห์ Customer Journey อย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มรู้จักแบรนด์จนถึงกลายเป็นลูกค้าประจำ

    • เชื่อมต่อกับระบบ POS, CRM, ERP ผ่าน API เพื่อสร้างมุมมองข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด

    ด้วย Global ID ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ConnectX แบรนด์จะเห็นลูกค้าในมุมเดียวกันทั่วทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเข้ามาผ่านแอป เว็บไซต์ หรือหน้าร้านก็ตาม นี่คือกุญแจสำคัญของการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อที่แท้จริง

    2. Marketing Automation: ส่งแคมเปญแบบรู้ใจ เรียลไทม์ และตรงจังหวะ

    การส่งแคมเปญแบบสุ่มหรือ Mass Marketing กำลังจะกลายเป็นอดีต Marketing Automation ของ ConnectX จึงช่วยให้แบรนด์ทำแคมเปญได้แม่นยำขึ้น ทั้งในด้านเวลา ช่องทาง และเนื้อหา เช่น

    • สร้าง Segment ลูกค้าด้วยเงื่อนไขที่หลากหลาย เช่น พฤติกรรมการคลิก ประวัติการซื้อ ความสนใจ

    • วาง Triggers ที่เหมาะสม เช่น ทิ้งตะกร้า ซื้อซ้ำ แจ้งเตือนโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม

    • ส่งแคมเปญผ่าน Email, SMS, Line OA, Facebook Messenger หรือ Push Notification แบบ Cross-channel

    ความสามารถนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังเพิ่ม Engagement และ Conversion ได้จริง โดยไม่ต้องอาศัยทีมงานขนาดใหญ่

    3. Dashboard & Optimization: รู้ทุกแคมเปญแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ ROI ได้ในคลิกเดียว

    หนึ่งในปัญหาหลักของนักการตลาดคือการดูผลลัพธ์แบบแยกกันในแต่ละแพลตฟอร์ม ConnectX แก้ปัญหานี้ด้วย Dashboard เดียวที่สามารถ:

    • Monitor ทุกแคมเปญแบบเรียลไทม์

    • วิเคราะห์รายได้จากแต่ละแคมเปญเปรียบเทียบแบบ Side-by-side

    • สร้าง Dashboard แบบ Customize ให้ตรงกับ KPI ที่แต่ละทีมต้องการ

    เมื่อทุกการตัดสินใจสามารถทำได้จากข้อมูลจริง และมีหลักฐานยืนยันในมือ ทีมการตลาดก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้น พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค

    4. AI-Driven Marketing: ไม่ใช่แค่ช่วยคิด แต่ช่วยแนะนำแผนการตลาดที่ดีที่สุด

    AI ในปี 2025 ไม่ใช่แค่ช่วยวิเคราะห์ แต่ต้องสามารถ “แนะนำ” ได้ด้วย และ AI ของ ConnectX ทำได้มากกว่านั้น:

    • วิเคราะห์แคมเปญที่มีผลตอบแทนสูงสุด

    • แนะนำช่องทางการสื่อสารที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละ Segment

    • ทำนายพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น โอกาสในการซื้อซ้ำ การเลิกใช้แบรนด์ หรือความภักดีที่เปลี่ยนไป

    ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดสายวิเคราะห์ หรือสายสร้างสรรค์ AI ของ ConnectX จะเป็นคู่คิดที่ช่วยให้คุณทำงานได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

    Marketing Platform ที่เข้าใจนักการตลาดไทยที่สุด ต้อง ConnectX

    โลกของการตลาดในปี 2025 ไม่มีที่ว่างสำหรับการสื่อสารแบบเดิมอีกต่อไป แบรนด์ที่ต้องการเติบโตต้องมีเครื่องมือที่พร้อมทั้งเก็บ วิเคราะห์ และสื่อสารกับลูกค้าในแบบที่เป็น “มนุษย์” ที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะทำได้

    ConnectX คือ Marketing Platform ที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว พร้อมปรับให้เหมาะกับแต่ละธุรกิจแบบเฉพาะตัว และเชื่อมต่อได้กับทุกช่องทางการตลาดที่คุณใช้ ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ของการทำการตลาดด้วย ConnectX แล้วคุณจะรู้ว่า การรู้ใจลูกค้า ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

    *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

      Yearly Budget

      How do you know us?

      Marketing Automation Software คืออะไร? ใช้ยังไงให้ธุรกิจโตไว ตอบโจทย์ลูกค้าแบบรู้ใจ

      Marketing-Automation-Software

      ในยุคที่ลูกค้าเชื่อมต่อกับแบรนด์ผ่านหลายช่องทางพร้อมกัน การสื่อสารให้ “ทันเวลา” และ “ตรงใจ” ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และการแข่งขันด้านประสบการณ์ลูกค้ากลายเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จทางธุรกิจ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Marketing Automation Software จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยธุรกิจจัดการทุกกิจกรรมทางการตลาดได้อย่างมีระบบ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ — ทั้งยังประหยัดเวลา ลดต้นทุน และขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางยอดขายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

      บทความนี้ ConnectX จะพาคุณมาเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานว่า Marketing Automation คืออะไร มีฟีเจอร์อะไรบ้าง ช่วยธุรกิจอย่างไร และควรเลือกใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมสรุปหัวใจการใช้งานที่ทุกแบรนด์ควรรู้ หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการตลาดของคุณให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

      Marketing Automation คืออะไร?

      Marketing Automation คือเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจสามารถจัดการกิจกรรมทางการตลาดได้อย่าง “เป็นระบบและอัตโนมัติ” โดยไม่ต้องพึ่งแรงงานคนในทุกขั้นตอน ช่วยให้แบรนด์สามารถส่งสารที่ถูกต้อง ไปถึงคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม ผ่านหลายช่องทางพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล, SMS, LINE OA, Facebook Messenger, หรือแม้แต่แอปพลิเคชันของแบรนด์เอง

      ระบบจะช่วยตั้งค่าและจัดการแคมเปญทางการตลาด เช่น การส่งอีเมลอัตโนมัติ, การติดตามผลการคลิกหรือเปิดอ่าน, การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า, ไปจนถึงการแนะนำสินค้าแบบ Personalization ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้แบบเบื้องหลัง โดยทีมงานไม่ต้องลงมือทำซ้ำ ๆ ด้วยตนเอง

      Marketing Automation จึงไม่ใช่แค่ “เครื่องมือประหยัดเวลา” แต่เป็น “โซลูชัน” ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าได้ลึกขึ้น วางแผนการตลาดได้แม่นยำขึ้น และปรับกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นบนพื้นฐานของข้อมูลจริง

      เครื่องมือนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทั้ง:

      • ธุรกิจขนาดเล็กและ SME ที่ต้องการระบบอัตโนมัติเพื่อขยายการตลาดโดยไม่ต้องเพิ่มทีมมาก

      • องค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องจัดการข้อมูลลูกค้าหลายล้านรายจากหลายช่องทาง และต้องการวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์เพื่อออกแบบแคมเปญเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อน

      ด้วย Marketing Automation ธุรกิจจะสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้แบบต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และ “ตรงใจ” ได้มากกว่าที่เคย

      ฟีเจอร์หลักของ Marketing Automation มีอะไรบ้าง?

      เมื่อพูดถึง Marketing Automation จุดเด่นที่ทำให้เครื่องมือนี้ทรงพลังและเป็นที่นิยมในหมู่นักการตลาดก็คือฟีเจอร์หลักที่ครอบคลุมทุกมิติของการทำงาน ตั้งแต่การวางแผนแคมเปญไปจนถึงการวัดผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ ซึ่งทั้งหมดทำงานได้โดยอัตโนมัติและมีความแม่นยำสูง

      Campaign Scheduling คือหนึ่งในฟีเจอร์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้ ระบบสามารถตั้งเวลาส่ง Email, SMS หรือแม้แต่ In-App Notification ได้ล่วงหน้า ทำให้การสื่อสารกับลูกค้าดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้อความต้อนรับ, โปรโมชันพิเศษ, หรือแคมเปญตามช่วงเวลา

      ต่อมาคือ Customer Segmentation ซึ่งเป็นหัวใจของการสื่อสารแบบรู้ใจ ระบบสามารถรวบรวมพฤติกรรมผู้ใช้งานและนำมาจัดกลุ่มลูกค้าโดยอัตโนมัติ เช่น กลุ่มที่เปิดอีเมลบ่อย กลุ่มที่ซื้อซ้ำ หรือกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเลิกใช้งาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การส่งข้อความหรือโปรโมชันเป็นไปอย่างตรงกลุ่มและตรงเวลา

      ฟีเจอร์ถัดมาคือ Lead Nurturing ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดูแลผู้ที่แสดงความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการส่งคอนเทนต์หรือข้อเสนอที่เหมาะสมตามลำดับขั้นของการตัดสินใจ จนเปลี่ยนจากผู้ที่ยังไม่เคยซื้อให้กลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้ในที่สุด

      การสร้าง Personalized Content ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญของ Marketing Automation Software ระบบสามารถเลือกและส่งเนื้อหาที่สอดคล้องกับความสนใจของลูกค้าแต่ละราย เช่น โปรโมชันที่ตรงกับพฤติกรรมการซื้อ หรือเนื้อหาที่สอดคล้องกับสินค้าที่เคยดู ทำให้การสื่อสารไม่ใช่แค่เข้าถึง แต่ “ตรงใจ”

      และสุดท้ายคือ Performance Analytics ซึ่งช่วยติดตามผลลัพธ์ของทุกแคมเปญได้แบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถเห็นอัตราการเปิด อัตราการคลิก การแปลงเป็นยอดขาย ไปจนถึงการวัด ROI อย่างละเอียด ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการปรับปรุงกลยุทธ์และวางแผนแคมเปญถัดไปได้อย่างแม่นยำ

      ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องใช้ Marketing Automation ?

      ในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย และคาดหวังประสบการณ์ที่ “รวดเร็ว ทันเวลา และเข้าใจเขาจริง ๆ” ธุรกิจไม่สามารถพึ่งการตลาดแบบเดิมที่สื่อสารแบบกว้าง ๆ หรือรอเวลาได้อีกต่อไป การส่งข้อความแบบสุ่มหรือแคมเปญที่ไม่ตรงใจอาจทำให้เสียโอกาสตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกค้าเจอแบรนด์

      นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ Marketing Automation กลายเป็นเครื่องมือที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม เพราะมันเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง” กับ “สิ่งที่แบรนด์สามารถส่งมอบ” ได้อย่างแม่นยำ

      ระบบสามารถตอบสนองลูกค้าได้แบบ Real-Time ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความต้อนรับทันทีที่สมัครสมาชิก หรือการติดตามผลหลังจากลูกค้าคลิกแคมเปญ ระบบทั้งหมดนี้ทำงานได้โดยไม่ต้องรอให้คนเข้าไปจัดการทีละขั้น

      มากไปกว่านั้น Marketing Automation  ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการ กระตุ้นการซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) ผ่านการตั้งค่าแคมเปญแบบอัตโนมัติ เช่น การแจ้งเตือนสินค้าใกล้หมด การมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าประจำ หรือการส่งคำแนะนำที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า

      อีกหนึ่งจุดแข็งคือการสร้าง ประสบการณ์ที่สม่ำเสมอในทุกช่องทาง (Omnichannel Experience) ไม่ว่าลูกค้าจะพบเจอแบรนด์ผ่านอีเมล, เว็บไซต์, LINE OA หรือ Facebook Messenger ข้อความและประสบการณ์ที่ได้รับจะมีความต่อเนื่อง เชื่อมโยง และเป็นหนึ่งเดียวกัน

      ท้ายที่สุด ระบบยังช่วยให้ธุรกิจสามารถ ลดต้นทุนการตลาดและภาระงานของทีมได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะงานที่ต้องทำซ้ำ เช่น การส่งแคมเปญรายวัน การจัดกลุ่มลูกค้า หรือการวิเคราะห์ผลลัพธ์ สามารถให้ระบบจัดการแทนได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ทีมสามารถโฟกัสกับการวางกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและสร้างผลกระทบมากกว่า

      ในโลกที่ทุกวินาทีคือโอกาส การเลือกใช้ Marketing Automation จึงไม่ใช่แค่การพัฒนา “เครื่องมือ” แต่คือการยกระดับ “วิธีคิด” ของธุรกิจให้ทันยุค และแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

      จะเลือก Marketing Automation แบบไหนดี?

      เมื่อเครื่องมือการตลาดกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของการเติบโต การเลือก Marketing Automation ที่เหมาะสมกับธุรกิจจึงไม่ใช่แค่เรื่องของฟีเจอร์ แต่คือการเลือก “พันธมิตร” ที่จะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ของคุณให้แม่นยำและยั่งยืน

      สิ่งแรกที่ควรมองหา คือ ความสามารถในการรวมข้อมูลจากหลายช่องทาง (Omnichannel Integration) ไม่ว่าจะเป็นอีเมล, SMS, LINE OA, หรือ Social Media ต่าง ๆ เพราะลูกค้าในปัจจุบันไม่ได้อยู่แค่แพลตฟอร์มเดียว และการสื่อสารต้อง “ต่อเนื่อง” และ “สม่ำเสมอ” ข้ามช่องทาง

      ถัดมาคือ ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ Customer Data Platform (CDP) เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกลุ่มตามพฤติกรรม การส่งเนื้อหาส่วนบุคคล หรือการวิเคราะห์ Insight แบบเรียลไทม์ ระบบที่ดีควรสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างไร้รอยต่อ

      อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) ซอฟต์แวร์ที่ดีควรใช้งานง่าย มี Template หรือ Flow สำเร็จรูปที่ช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นแคมเปญได้อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีทีมเทคนิคเฉพาะทางก็สามารถจัดการได้ในไม่กี่คลิก

      นอกจากนี้ ระบบควรมี เครื่องมือวิเคราะห์และรายงานผล ที่ละเอียดและเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์ของแต่ละแคมเปญ วางแผนต่อยอดได้บนพื้นฐานของข้อมูลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึก

      และในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินของธุรกิจ ความสามารถในการรองรับ มาตรฐานความปลอดภัยข้อมูล เช่น PDPA และ ISO27001 คืออีกหนึ่งเงื่อนไขที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การทำการตลาดไม่สะดุดเรื่องกฎหมาย และลูกค้าเชื่อมั่นในความปลอดภัยของข้อมูลตนเอง

      หากคุณกำลังมองหา Marketing Automation ที่ครบทั้งฟีเจอร์การตลาด การจัดการข้อมูลลูกค้า และการวิเคราะห์เชิงลึกในแพลตฟอร์มเดียว — ConnectX คือทางเลือกที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทยโดยเฉพาะ ทั้งง่าย ครบ และรองรับทุกความซับซ้อนของงานการตลาดในยุคดิจิทัล

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

      *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

        Yearly Budget

        How do you know us?

        สร้าง Brand Loyalty ให้ลูกค้าประทับใจด้วย Email Marketing Tool

        Email-Marketing-Tool

        Connect X พาคุณรู้จัก Email Marketing Tool : กลยุทธ์สร้างความประทับใจที่นำไปสู่ Brand Loyalty อย่างแท้จริง

        ในยุคที่แบรนด์หนึ่งๆ ไม่ได้แข่งขันกันแค่ด้านราคา แต่ต้องสู้กันด้วย “ความรู้สึก” และ “ประสบการณ์” ที่ลูกค้าได้รับ คำว่า Brand Loyalty หรือความภักดีต่อแบรนด์จึงมีความหมายมากกว่าที่เคย ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากหลากหลายช่องทาง เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆ ได้ทันทีเพียงแค่ปลายนิ้ว ความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับเราในระยะยาวจึงเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในยุคนี้

        หนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่หลายแบรนด์อาจมองข้าม แต่กลับมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า นั่นก็คือ Email Marketing Tool เพราะมันไม่ใช่เพียงช่องทางการส่งข่าวสารเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการ “พูดคุย” กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เป็นพื้นที่ที่แบรนด์สามารถแสดงความใส่ใจในแบบที่เป็นส่วนตัวที่สุด และเมื่อใช้กลยุทธ์อย่างถูกต้อง Email Marketing จะกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็กลายเป็นความภักดีที่มั่นคง

        Email Marketing คืออะไร?

        Email Marketing คือรูปแบบของการตลาดดิจิทัลที่ใช้ “อีเมล” เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับลูกค้า จุดเด่นของกลยุทธ์นี้คือการสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งข่าวสาร แนะนำโปรโมชั่นใหม่ แจ้งเตือนกิจกรรมพิเศษ หรือแม้แต่การขอบคุณลูกค้าที่เพิ่งทำรายการสั่งซื้อไป ทุกข้อความที่ถูกส่งออกไปคือโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

        นอกจากนั้น Email Marketing ยังสามารถปรับแต่งเนื้อหาให้ “Personalized” ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการใส่ชื่อลูกค้าโดยตรง แนะนำสินค้าที่ตรงกับความสนใจ หรือการจัดแคมเปญตามพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขาอย่างแท้จริง และนี่คือจุดเริ่มต้นของความภักดีที่ยืนยาว

        ประโยชน์ของ Email Marketing

        สิ่งที่ทำให้ Email Marketing เป็นเครื่องมือที่นักการตลาดไม่ควรมองข้ามก็คือ “ความแม่นยำ” และ “ความสามารถในการวัดผล” ที่สูงมาก คุณสามารถเลือกได้ว่าจะส่งอีเมลถึงใคร เมื่อไร และจะส่งเนื้อหาอะไรไปบ้าง ที่สำคัญคือสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่จำนวนผู้เปิดอ่าน คลิกเข้าเว็บไซต์ ไปจนถึงยอดขายที่เกิดจากแคมเปญนั้นโดยตรง

        อีกหนึ่งข้อดีที่โดดเด่นคือ Email Marketing สามารถผสานเข้ากับระบบอื่นๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นระบบ CDP (Customer Data Platform) ที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าไว้ในที่เดียว หรือระบบ Marketing Automation ที่ช่วยให้การส่งอีเมลเป็นไปอย่างอัตโนมัติและตรงตามพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ SMS Marketing, Social Media หรือแม้แต่แคมเปญ Omnichannel ได้อย่างกลมกลืน

        Email ยังเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล เช่น การส่งอีเมลอวยพรวันเกิด การแจ้งสิทธิพิเศษในเทศกาลต่างๆ หรือแม้แต่การขอบคุณลูกค้าหลังการซื้อสินค้า ทุกข้อความที่ส่งไปสามารถกลายเป็นช่วงเวลาพิเศษระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ช่วยเสริมความรู้สึกเชื่อมโยงและความไว้วางใจให้แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

        Connect X มองว่า Email Marketing ไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และถ้าแบรนด์ของคุณกำลังมองหาวิธีพูดกับลูกค้าอย่างจริงใจและมีประสิทธิภาพ นี่คือเครื่องมือที่คุณไม่ควรพลาด

        6 Email Marketing Tool Campaign ที่ธุรกิจไม่ควรพลาด

        การมีเครื่องมือทางการตลาดที่ดีอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน หากอีเมลที่ส่งไปยังมีหัวข้อหรือเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจมากพอ ก็อาจทำให้อีเมลนั้นๆ ถูกมองข้ามไป และหากส่งไปไม่ถูกที่และถูกเวลาก็อาจทำให้ไม่มีประสิทธิภาพได้เท่าที่ควร มาดูกันว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้างที่น่าสนใจ น่านำไปใช้งาน

        • Welcome Email หรืออีเมลต้อนรับหลังจากลูกค้าได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกใหม่ จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีกับลูกค้าใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น
        • Notification Email การแจ้งเตือนในกระบวนการซื้อ-ขายในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น การยืนยันคำสั่งซื้อ การติดตามพัสดุระหว่างการขนส่ง การแจ้งเตือนให้กลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง และการแจ้งเตือนให้ซื้อสินค้าที่ถูกเลือกไว้ในตะกร้า เป็นต้น
        • Newsletter and New Release Product Email ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ การนำเสนอสินค้าใหม่ และเชิญชวนร่วมกิจกรรมพิเศษ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์ มีการปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และนำไปสู่ความผูกพันและภักดีต่อแบรนด์ได้
        • Special Day Email ส่งข้อความพิเศษพร้อมระบุชื่อลูกค้าเป็นรายบุคคล ช่วยสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น วันเกิด และเทศกาลสำคัญต่างๆ
        • Exclusive Email ส่งข้อความโปรโมชันเด็ดๆ หรือสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล จะช่วยสร้างความรู้สึกที่มีคุณค่าและเป็นคนพิเศษต่อแบรนด์ จนอยากกลับมาซื้อสินค้าซ้ำๆ ได้
        • Customer Service Email แนะนำการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเพิ่งซื้อไป หรือติดตามความพึงพอใจต่อสินค้า แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าแต่ละคน

        จากที่ Connect X ได้พาไปรู้จักกับ Email Marketing กันแล้ว จะเห็นได้ว่าการตลาดรูปแบบนี้ มีความคุ้มค่าและสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า และนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างดี อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกันกับการตลาดรูปแบบอื่นๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้เครื่องมือที่ดีอย่าง Marketing Platform จาก Connect X ไปช่วยธุรกิจของคุณ จะทำให้การทำการตลาดในทุกรูปแบบมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเป็น CDP (Customer Data Platform) ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุม และระบบ Marketing Automation ช่วยให้การทำ Email Marketing กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ได้เพียงปลายนิ้ว

        ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

        *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

          Yearly Budget

          How do you know us?

          E-Mail Marketing ยังมีความจำเป็นอยู่ไหมในยุคปัจจุบัน ?

          E-mail-marketing

          E-Mail Marketing ยังมีความจำเป็นอยู่ไหมในยุคปัจจุบัน?

          ในยุคที่การสื่อสารเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มใหม่ๆ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า E-Mail Marketing ยังจำเป็นอยู่ไหม? วันนี้ ConnectX จะพาทุกท่านไปรู้จักกับการตลาดผ่านอีเมล (EDM) ว่ามีบทบาทอย่างไรในยุคปัจจุบัน และทำไมมันยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

          ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของ “อีเมล” ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่แต่อย่างใด เพราะถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 1971 และยังคงใช้งานได้อย่างแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบางรายกลับไม่สามารถรักษาฐานผู้ใช้ไว้ได้ แต่ Email Marketing ยังคงยืนหยัดเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารระหว่างแบรนด์และลูกค้า

          Email Marketing คือเครื่องมือการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่ โปรโมชั่น กิจกรรม หรือข่าวสารต่างๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง ที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่การ “ขาย” แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า เห็นได้ว่าแบรนด์ใส่ใจและไม่ทอดทิ้งลูกค้าหลังการซื้อ

          ในปัจจุบัน เทรนด์ของ Email Marketing ได้เปลี่ยนแปลงจากการส่งจดหมายแบบหว่าน (Mass Mailing) ไปสู่การทำ Segmentation หรือการจำแนกกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน และส่งอีเมลที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับ “ความยินยอม” ในการรับข้อมูลตามกฎหมาย PDPA ที่มีผลบังคับใช้ในประเทศไทย ซึ่งการตลาดผ่านอีเมลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของเนื้อหา แต่ยังรวมถึงความถูกต้องตามข้อกฎหมายด้วย

          ฟังดูอาจยุ่งยาก แต่ปัจจุบันการใช้ระบบ Marketing Automation เข้ามาช่วยทำให้การจัดการอีเมลทั้งหมดเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวลา การแบ่งกลุ่ม หรือการวิเคราะห์ผล ซึ่งบริการเหล่านี้ ConnectX พร้อมให้คำแนะนำและดูแลทุกขั้นตอน

          กลยุทธ์ที่ดีใน Email Marketing ไม่เพียงช่วยกระตุ้นยอดขาย แต่ยังสามารถสร้าง “Community” ของแบรนด์ สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม และต่อยอดไปสู่การตลาดแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth Marketing) ได้อย่างทรงพลัง

          ตัวเลขและสถิติที่ยืนยันคุณค่าของ E-Mail Marketing

          • ปี 2020 มีผู้ใช้อีเมลทั่วโลกมากกว่า 4 พันล้านคน

          • 80% ของชาวอเมริกันตรวจสอบอีเมลอย่างน้อยวันละครั้ง

          • 62% ของผู้บริโภคจัดอันดับว่า “อีเมล” คือช่องทางการสื่อสารที่ชื่นชอบที่สุดจากธุรกิจขนาดเล็ก

          จากตัวเลขเหล่านี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Email Marketing ไม่เพียงยังมีความสำคัญ แต่ยังเป็นช่องทางที่มีศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน หากแบรนด์ของคุณยังไม่มีแผนการตลาดทางอีเมล นั่นอาจหมายถึงการพลาดโอกาสสำคัญในการสร้างยอดขายและความภักดีในระยะยาว

          “For every $1 spent on email marketing, you can expect a return of $36!”
          https://www.litmus.com/blog/infographic-the-roi-of-email-marketing/

          ประโยชน์ของ E-Mail Marketing

          1. Conversion (การเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้า)
          หนึ่งในเป้าหมายหลักของการทำการตลาดคือการสร้างยอดขาย และ Email Marketing ก็เป็นช่องทางที่ช่วยให้เกิด Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราต้องการเปิดตัวแคมเปญใหม่หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัว การส่งอีเมลถึงกลุ่มสมาชิกหรือผู้ติดตามเก่า ถือเป็นวิธีที่สามารถกระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำได้อย่างตรงจุด เช่น การส่งคูปองส่วนลดเฉพาะบุคคล หรือข้อเสนอพิเศษในวันเกิดของสมาชิก ไม่เพียงแค่ช่วยสร้างยอดขายในระยะสั้น แต่ยังเป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ (Awareness) และความภักดี (Brand Loyalty) ได้ในระยะยาว

          2. Awareness (การสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์)
          การตลาดผ่านอีเมลช่วยให้เราสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิดและตรงจุด โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อีเมลที่มากเกินไปหรือละเมิดความเป็นส่วนตัวอาจส่งผลให้ลูกค้ากด “ยกเลิกการสมัครรับข่าวสาร” ได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นการวางแผนกลยุทธ์ให้พอดีและมีคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกหนึ่งจุดเด่นคือความสามารถในการขยายขนาด (Scalability) เราสามารถส่งอีเมลหาผู้รับจำนวนมากโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าช่องทางอื่นๆ เช่น โซเชียลมีเดียหรือโฆษณาออนไลน์

          3. Customer Loyalty (ความภักดีของลูกค้า)
          Email Marketing มีบทบาทในการสร้างความภักดีในทุกช่วงของเส้นทางลูกค้า (Customer Journey) ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นรู้จักแบรนด์ ไปจนถึงการดูแลลูกค้าเดิม เช่น การส่งข้อความแสดงความขอบคุณในวันครบรอบการเป็นสมาชิก หรือมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าประจำ อีเมลในลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ซึ่งช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

          4. ประหยัดค่าใช้จ่าย
          อีกหนึ่งเหตุผลที่หลายธุรกิจยังคงเลือกใช้ Email Marketing คือเรื่องของ “ความคุ้มค่า” ในเชิงงบประมาณ เราสามารถส่งข้อความไปยังลูกค้าหลายหมื่นคนแบบตรงถึงกล่องจดหมาย โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินจำนวนมากในการยิงโฆษณาหรือประมูลพื้นที่โฆษณาแบบ Pay-per-click (PPC) ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะอยู่ที่ค่าระบบหรือซอฟต์แวร์จัดการอีเมลเท่านั้น ซึ่งถือว่าประหยัดมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้กลับคืนมา

          20 Powerful Tips to Improve your Email Marketing Campaigns

          ก่อนจะจากกันไป ขอให้บทความนี้ช่วยเปิดมุมมองและเสริมความเข้าใจในโลกของการตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) ให้กับทุกท่านได้อย่างแท้จริง การทำการตลาดผ่านอีเมลนั้นไม่ใช่แค่การส่งข้อความจำนวนมากไปยังลูกค้าเท่านั้น แต่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ หากเราส่งอีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ตรงตามการจัดกลุ่ม (Segmentation) ลูกค้าอาจรู้สึกรำคาญและเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่หากเราสามารถส่งแคมเปญที่ตรงใจ ตรงความต้องการของลูกค้าได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือยอดขายที่เพิ่มขึ้น การซื้อซ้ำ และความภักดีที่เกิดขึ้นกับแบรนด์อย่างยั่งยืน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Email Marketing ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในยุคปัจจุบัน

          ConnectX พร้อมที่จะช่วยคุณสร้างแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลที่ทรงพลังและตรงใจลูกค้า ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงในทุกก้าวของเส้นทางดิจิทัล!

          ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

          *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

            Yearly Budget

            How do you know us?

            ทำไมต้องมีระบบ CDP Platforms ถึงแม้ว่าจะมีระบบ CRM อยู่แล้ว ?

            CDP-Platforms-CRM

             ทำไมต้องมีระบบ CDP Platforms ถึงแม้ว่าจะมีระบบ CRM อยู่แล้ว?

            หลายธุรกิจอาจตั้งคำถามว่า “เมื่อเรามีระบบ CRM อยู่แล้ว ยังจำเป็นต้องใช้ระบบ CDP Platforms อีกหรือ?” เพราะในความเข้าใจพื้นฐาน CRM ก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าและบริหารความสัมพันธ์ได้ดีอยู่แล้ว แต่ความจริงคือ CRM กับ CDP นั้นมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และ CDP กำลังกลายเป็นตัวเสริมสำคัญที่ช่วยยกระดับการใช้ข้อมูลให้ลึกและแม่นยำยิ่งกว่าเดิม

            ในยุคที่ลูกค้ากระจายตัวอยู่บนหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน หรือหน้าร้าน ระบบ CRM เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถรวบรวมข้อมูลจากทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) ได้แบบเรียลไทม์และครอบคลุมพอ นี่คือจุดที่ CDP เข้ามาเติมเต็ม เพราะ CDP ถูกออกแบบมาเพื่อ รวบรวม จัดระเบียบ และเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าจากทุกแหล่งแบบอัตโนมัติ และสร้างเป็นโปรไฟล์ลูกค้าที่ครบถ้วนในระดับบุคคล ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ทั้งในเชิงการตลาด การวิเคราะห์ และการตัดสินใจทางธุรกิจ

            บทความนี้ ConnectX จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า CDP แตกต่างจาก CRM อย่างไร ใช้ร่วมกันได้แบบไหน และเพราะเหตุใดแบรนด์ที่ต้องการเติบโตด้วยข้อมูลจึงไม่ควรมองข้ามระบบ CDP

            เริ่มจาก CRM : ผู้ช่วยสำคัญในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

            CRM หรือ Customer Relationship Management เป็นระบบที่พัฒนามาเพื่อช่วย “ติดตาม” และ “จัดการ” ความสัมพันธ์กับลูกค้าในแต่ละราย โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าในระบบ B2B ที่มีการซื้อขายซับซ้อน มีหลายขั้นตอน และต้องการการดูแลเฉพาะราย จุดเด่นของ CRM คือช่วยให้ธุรกิจสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ เช่น การเก็บประวัติการซื้อ การนัดหมาย การโทรติดตาม ไปจนถึงการบันทึกปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่องทาง

            CRM มีจุดประสงค์หลักในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและพัฒนาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลหลังการขาย การส่งข้อความแจ้งเตือนโปรโมชั่น หรือแม้แต่การวางแผนเพื่อติดตามผู้ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าใหม่ ด้วยเครื่องมือเช่นระบบแจ้งเตือน (reminder), ระบบติดตาม lead หรือการจัดการ pipeline ของทีมขาย

            นอกจากนี้ CRM ยังช่วยให้ทีมการตลาดสามารถทำการตลาดแบบ Personalized ได้ดีขึ้น โดยอิงจากข้อมูลพฤติกรรมหรือประวัติการสั่งซื้อ เพื่อส่งข้อความที่ “ตรงใจ” และ “ตรงเวลา” ซึ่งมักนำไปสู่ Conversion ที่สูงขึ้น

            ต่อด้วย CDP Platfroms : ตัวช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ

            Customer Data Platform หรือ CDP คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายแหล่งให้มาอยู่ในที่เดียวกันอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประชากร พฤติกรรมการซื้อ หรือแม้แต่การโต้ตอบกับธุรกิจผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การติดต่อผ่านศูนย์บริการลูกค้า ตัว CDP จะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ครบถ้วนแม้กระทั่งลูกค้าที่เราไม่รู้จักชื่อหรือตัวตนชัดเจน (Unknown customer) ก็ตาม

            จุดเด่นของ CDP คือการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบเฉพาะตัวที่ละเอียดและครบถ้วน ทำให้ทีมการตลาดและฝ่ายอื่นๆ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในระดับบุคคลได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การออกแบบแคมเปญ Personalized Marketing ที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและภักดีต่อแบรนด์มากขึ้นด้วย

            นอกจากนี้ CDP ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับอย่างแท้จริง เพราะข้อมูลที่ได้มานั้นถูกจัดเก็บและอัปเดตแบบเรียลไทม์ ช่วยลดข้อผิดพลาดจากข้อมูลซ้ำซ้อนหรือขาดความต่อเนื่อง และยังช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมการตลาด ฝ่ายขาย และฝ่ายบริการลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น เพราะทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าในแพลตฟอร์มเดียวกันได้โดยไม่ต้องสลับระบบบ่อยๆ

            ด้วยฟังก์ชันเหล่านี้ CDP จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ ที่เน้นความเข้าใจลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกที่การแข่งขันสูงและข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นทุกวัน

            ข้อดีของของ CDP Platforms

            ข้อดีของ CDP หรือ Customer Data Platform นั้นมีหลายประการที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก

            1. CDP สามารถรวมกับระบบ API ต่างๆ ได้ เช่น ระบบ POS (Point of Sale) หรือระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ทำให้ข้อมูลจากหลายแหล่งถูกรวบรวมไว้ในที่เดียว

            2. CDP เก็บข้อมูลลูกค้าไว้ในแหล่งเดียว ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาสลับไปมาระหว่างหลายระบบ

            3. CDP ช่วยเปิดเผยลักษณะและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ

            4. CDP สามารถเก็บข้อมูลในหลากหลายมิติ ทั้งข้อมูลบริบท ประวัติย้อนหลัง และข้อมูลทั่วไปของลูกค้า โดยแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

            ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนและการทำงานที่ครอบคลุมเช่นนี้ CDP จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็บข้อมูลทั่วไป แต่เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

            สำหรับธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์เชิงลึก และการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ConnectX มี CDP ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเหล่านี้โดยเฉพาะ พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยเชื่อมต่อระบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ข้อมูลลูกค้าของคุณถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบและพร้อมใช้งานทันที

            นอกจากนี้ ConnectX CDP ยังช่วยให้การทำ Personalized Marketing เป็นเรื่องง่ายขึ้น ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            ดังนั้น การเลือกใช้ CDP จาก ConnectX ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลลูกค้า แต่ยังเป็นการลงทุนที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาว พร้อมก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในยุคดิจิทัลอย่างมั่นใจ

            ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

            *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

              Yearly Budget

              How do you know us?

              5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ อีเมลธุรกิจ (Email Marketing) กระตุ้นยอดขายให้ปัง!

              email-marketing-อีเมลธุรกิจ

              การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น Marketing Automation เพื่อช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายแบรนด์อาจโฟกัสไปที่โซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ แต่จริงๆ แล้ว อีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ก็ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทรงพลังและควรใช้งานควบคู่กันไป

              วันนี้ Connect X ขอนำเสนอ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ อีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง พร้อมช่วยกระตุ้น Conversion ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

              การตลาดผ่าน Email เป็นอย่างไร?

              Email หรือ Electronic Mail เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีมานานและยังคงสำคัญอย่างมากในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อส่วนตัวหรือเพื่อธุรกิจ อีเมลยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่แบรนด์ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า

              จากสถิติโลก:

              • ปี 2019 มีผู้ใช้อีเมลทั่วโลกกว่า 3.9 พันล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4.3 พันล้านในปี 2023

              • 81% ของธุรกิจขนาดเล็กยังคงใช้อีเมลเป็นช่องทางหลักในการหาลูกค้า

              • 49% ของผู้บริโภคต้องการรับอีเมลจากแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ

              ด้วยระบบ CRM และ Marketing Automation ที่มีในปัจจุบัน การทำอีเมลธุรกิจสามารถออกแบบให้ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

              5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Email Marketing กระตุ้นการขายให้ธุรกิจ

              มาถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการทำ Email Marketing เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างยอด Conversion กระตุ้นการขายผ่านช่องทางอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง 5 ข้อจะมีอะไรบ้างนั้น? มาดูพร้อมกันเลย

              1. การวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแคมเปญ

              การวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแคมเปญเป็นสิ่งสำคัญในการทำอีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ที่มีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะเริ่มส่งอีเมลไปยังกลุ่มลูกค้า ควรกำหนดเป้าหมายของแคมเปญให้ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการส่งเสริมความภักดีของลูกค้า การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ และปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

              นอกจากนี้ การเลือกประเภทของอีเมลที่เหมาะสมกับเป้าหมายก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือการส่งอีเมลข่าวสารเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การวัดอัตราการเปิดอ่าน (Open Rate) และอัตราการคลิก (Click-Through Rate) จะช่วยให้สามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

              2. สร้างความประทับใจผ่านการปรับแต่งเนื้อหาเฉพาะบุคคล (Personalization)

              การปรับแต่งเนื้อหาเฉพาะบุคคลเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ได้อย่างมาก โดยการใช้ข้อมูลของลูกค้า เช่น ชื่อ ความสนใจ หรือประวัติการซื้อ เพื่อสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และกระตุ้นให้ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์มากยิ่งขึ้น

              การใช้ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และระบบการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation) จะช่วยให้สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของลูกค้าควรปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจของลูกค้า

              3. การทดสอบ A/B เพื่อวัดประสิทธิภาพของเนื้อหา

              การทดสอบ A/B เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพของอีเมลธุรกิจ (Email Marketing) โดยการส่งอีเมลสองเวอร์ชันที่แตกต่างกันไปยังกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน เพื่อดูว่าเวอร์ชันใดมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า เช่น อัตราการเปิดอ่าน หรืออัตราการคลิก การทดสอบนี้สามารถทำได้กับหลายองค์ประกอบของอีเมล เช่น หัวเรื่อง เนื้อหา รูปภาพ หรือปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ (Call to Action)

              การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและระบบการตลาดอัตโนมัติจะช่วยให้สามารถดำเนินการทดสอบ A/B ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ การนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงเนื้อหาและกลยุทธ์ของอีเมลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

              4. ความสำคัญของปุ่ม Call to Action (CTA)

              CTA เป็นองค์ประกอบสำคัญในอีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าดำเนินการตามที่ต้องการ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการดาวน์โหลดข้อมูล การออกแบบปุ่ม CTA ที่ชัดเจนและโดดเด่นจะช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและเพิ่มโอกาสในการแปลงลูกค้าให้เป็นผู้ซื้อ

              การใช้ข้อความที่กระตุ้นความสนใจ เช่น “ซื้อเลย” หรือ “สมัครตอนนี้” และการวางปุ่ม CTA ในตำแหน่งที่เหมาะสมภายในอีเมล จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การทดสอบ A/B กับปุ่ม CTA ต่างๆ จะช่วยให้สามารถเลือกใช้ปุ่มที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกระตุ้นการดำเนินการของลูกค้า

              5. การใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของธุรกิจ

              การใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เช่น ระบบการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation) และแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Data Platform – CDP) จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของอีเมลธุรกิจ (Email Marketing) ได้อย่างมาก เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ

              การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้สามารถดำเนินการแคมเปญการตลาดได้อย่างอัตโนมัติ และสามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือที่สามารถเชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น Facebook Messenger หรือ LINE Official Account จะช่วยให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการแปลงลูกค้าให้เป็นผู้ซื้อได้อย่างมาก

              หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า “อีเมลธุรกิจ (Email Marketing)” ไม่ใช่แค่การส่งข้อความธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สื่อสารคุณค่าของแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราทำด้วยความเข้าใจลูกค้า วางกลยุทธ์อย่างถูกต้อง และใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ การตลาดผ่านอีเมลก็สามารถเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

              และหากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยให้การทำอีเมลธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม Connect X คือคำตอบ เราพัฒนาโซลูชัน CDP (Customer Data Platform) และ Marketing Automation ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงลูกค้าได้ในแบบที่เฉพาะเจาะจงและแม่นยำ พร้อมระบบวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแบบ 360 องศา รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายช่องทาง ทั้งอีเมล โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันแชตยอดนิยม

              เพราะเราเชื่อว่าทุกการสื่อสารควรจะมีความหมาย และทุกแคมเปญควรจะสร้างผลลัพธ์ได้จริง ติดต่อ Connect X วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการทำการตลาดที่ทรงพลังและชาญฉลาดยิ่งกว่าเดิม

              ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

              *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                Yearly Budget

                How do you know us?

                อัปเดต 5 เทรนด์ Emails Marketing ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ในปี 2025

                emails-marketing

                อัปเดต 5 เทรนด์ Emails Marketing ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ในปี 2025

                ในปี 2025 การทำการตลาดออนไลน์ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไวกว่าที่เคย ข้อมูลไหลเวียนตลอดเวลา และการเข้าถึงลูกค้าต้องรวดเร็ว แม่นยำ และตรงจุด หนึ่งในกลยุทธ์ที่ยังทรงพลังและคุ้มค่ามากที่สุดคือ Emails Marketing ที่ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับลูกค้าโดยตรง

                Connect X จึงขออัปเดต 5 เทรนด์ Email Marketing ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามในปี 2025 เพื่อให้แผนการตลาดของคุณแข็งแรงและสามารถแข่งขันได้ในตลาดดิจิทัลอย่างแท้จริง

                Emails Marketing คืออะไร?

                Email Marketing คือ การสื่อสารทางการตลาดผ่านช่องทางอีเมล โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สามารถใช้ได้ทั้งในรูปแบบการส่งข่าวสาร โปรโมชัน คอนเทนต์เฉพาะบุคคล การแจ้งเตือน หรือแม้แต่การบริการหลังการขาย

                จุดเด่นของ Email Marketing คือสามารถวัดผลได้ชัดเจน เช่น อัตราการเปิด (Open Rate), อัตราการคลิก (Click-Through Rate) และการแปลงเป็นยอดขาย (Conversion Rate) อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ต้นทุนต่ำแต่ให้ผลลัพธ์สูงเมื่อเทียบกับการโฆษณาในช่องทางอื่น ๆ

                อีกข้อดีที่สำคัญคือความสามารถในการปรับแต่งเนื้อหาได้แบบเฉพาะบุคคล และสามารถทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติหรือ CRM ได้อย่างราบรื่น ทำให้ Emails Marketing กลายเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้าง Customer Journey ที่ราบรื่นและยั่งยืน

                Connect X จึงขออัปเดต 5 เทรนด์ Email Marketing ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามในปี 2025 เพื่อให้แผนการตลาดของคุณแข็งแรงและสามารถแข่งขันได้ในตลาดดิจิทัลอย่างแท้จริง

                1. การออกแบบเพื่อ Mobile-First อย่างแท้จริง

                ในปี 2025 ผู้บริโภคกว่า 75% เปิดอีเมลผ่านสมาร์ตโฟน ดังนั้น การออกแบบอีเมลจึงต้องเน้นความเรียบง่าย โหลดเร็ว และแสดงผลได้ดีทุกหน้าจอ ไม่เพียงแค่ Responsive Design แต่ต้องเน้น UX ที่เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ เช่น CTA ที่กดง่าย ข้อความกระชับ รวมถึงเนื้อหาที่ดึงดูดภายในเวลาไม่เกิน 5 วินาที

                นอกจากนี้ยังควรทดสอบอีเมลกับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีจุดบกพร่อง และควรใช้รูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่ต้องโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ที่อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้สะดุด

                2. AI-Powered Personalization

                AI และ Machine Learning จะมีบทบาทมากขึ้นในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้รับและสร้างคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจง ส่งข้อความที่ “ใช่” ใน “ช่วงเวลา” ที่ลูกค้าพร้อมรับมากที่สุด เช่น การส่งคูปองเมื่อระบบรู้ว่าลูกค้าชอบซื้อวันศุกร์ หรือเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เคยสนใจโดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มอัตราการเปิดและคลิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                ในปี 2025 การปรับแต่งแบบ Hyper-Personalization จะเป็นเทรนด์หลักที่ธุรกิจต้องลงทุน เช่น การเปลี่ยนภาพ แบนเนอร์ หรือเนื้อหาในอีเมลโดยอ้างอิงจากข้อมูล CRM หรือ CDP แบบเรียลไทม์เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

                3. Email แบบ Interactive เพิ่ม Engagement

                ปี 2025 ไม่ใช่แค่เปิดอ่าน แต่ต้องดึงให้ลูกค้า “มีส่วนร่วม” ภายในอีเมล เช่น แบบสอบถาม คลิกเลือกสินค้า เปรียบเทียบราคาหรือหมุนวงล้อรับโปรโมชั่น—all in one mail! ช่วยลดขั้นตอนการคลิกไปยังเว็บไซต์ เพิ่มความสะดวก และลดโอกาสที่ลูกค้าจะหลุดออกจาก Funnel

                การสร้างอีเมลให้มีลักษณะเหมือนเว็บไซต์ขนาดย่อม เช่น มีระบบกรอกแบบฟอร์ม ระบบโหวต หรือแม้แต่การสั่งซื้อสินค้าผ่านอีเมลได้โดยตรง จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้าง Conversion ได้มากขึ้นอย่างชัดเจน

                4. Data Privacy และการให้ Consent อย่างโปร่งใส

                ความเข้มงวดของกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง PDPA และ GDPR จะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2025 ผู้ประกอบการต้องทำให้แน่ใจว่าได้รับความยินยอมจากลูกค้าอย่างชัดเจนก่อนส่ง Emails Marketing และต้องสามารถให้ลูกค้าเลือกว่าจะรับเนื้อหาประเภทใดได้บ้าง โปร่งใส ตั้งค่าปรับเปลี่ยนง่าย และมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เข้าถึงได้ง่าย

                อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงการใช้ระบบ double opt-in เพื่อป้องกันข้อร้องเรียน รวมถึงการให้สิทธิ์ลูกค้าในการลบหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างสะดวกภายใต้ระบบอีเมลของแบรนด์

                5. การใช้ Marketing Automation เชื่อมต่อกับ CRM อย่างไร้รอยต่อ

                การรวม Email Marketing เข้ากับระบบ CRM และ Marketing Automation เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะช่วยให้ส่งอีเมลในเวลาที่เหมาะสมกับข้อมูลที่แม่นยำ เช่น การ Follow Up หลังจากลูกค้าลงทะเบียน การส่งอีเมลวันเกิดอัตโนมัติ หรือการนำเสนอสินค้าใหม่ที่ตรงกับพฤติกรรมการซื้อในอดีต ช่วยทั้งประหยัดต้นทุนและเพิ่ม Conversion อย่างเห็นผล

                ในปีนี้ การผสานข้อมูลระหว่าง CDP, CRM และระบบอัตโนมัติจะช่วยให้การสื่อสารผ่านอีเมลมีความแม่นยำเป็นรายบุคคล สามารถทำแคมเปญ Lifecycle Marketing ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ Welcome Journey, Nurturing จนถึง Re-Engagement Campaign

                อนาคตของ Emails Marketing ในยุคดิจิทัล

                Email Marketing ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่เป็นสะพานเชื่อมประสบการณ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า หากคุณสามารถใช้เทคโนโลยีและเทรนด์เหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณได้เปรียบในตลาดที่แข่งขันสูงอย่างยั่งยืน

                เหนือสิ่งอื่นใด ความสำเร็จของกลยุทธ์ Email Marketing ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณการส่ง แต่อยู่ที่คุณภาพของประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ หากธุรกิจสามารถสื่อสารอย่างตรงใจลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมในแต่ละ Touchpoint และนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างรอบด้าน ก็จะสามารถเปลี่ยนจากการส่งอีเมลทั่วไปให้กลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้อย่างแท้จริง

                Connect X พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ในการวางกลยุทธ์ Email Marketing ที่ยืดหยุ่น ปรับตัวไว และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าได้อย่างมั่นคงและแตกต่างในยุคดิจิทัล

                ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

                *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                  Yearly Budget

                  How do you know us?

                  เอาชนะตลาด E-Commerce ด้วยกลยุทธ์การตลาดผ่านระบบ Marketing Automation

                  E-commerce-MA

                  ในปี 2025 การแข่งขันในโลก E-Commerce เข้าสู่จุดที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่สูงขึ้น ต้องการประสบการณ์ที่เฉพาะตัว และพร้อมเปลี่ยนใจได้ทันทีหากแบรนด์ไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีด้านการตลาดก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data หรือระบบอัตโนมัติ ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานอย่างแท้จริง

                  หนึ่งในเครื่องมือที่กลายเป็นหัวใจของการตลาดในปี 2025 คือ Marketing Automation โดยเฉพาะในธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องบริหารจัดการฐานลูกค้าจำนวนมาก แคมเปญหลากหลายช่องทาง และข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การใช้ Marketing Automation เข้ามาช่วยบริหารงานแบบอัตโนมัติในแต่ละ Touchpoint ของลูกค้า จะช่วยให้แบรนด์สามารถส่งสารได้ “ตรงคน ตรงเวลา และตรงช่องทาง” อย่างมีประสิทธิภาพ

                  สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังมองหากลยุทธ์ใหม่เพื่อปรับตัวให้ทันยุค Connect X ขอแนะนำให้รู้จักกับประโยชน์และแนวทางของการใช้ Marketing Automation ในธุรกิจ E-Commerce ดังต่อไปนี้

                  Marketing Automation คืออะไร?

                  สำหรับใครที่มีประสบการณ์การทำงานในสาย Digital Marketing คงคุ้นเคยกับคำว่า Marketing Automation กันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทในแวดวงการตลาดออนไลน์มากขึ้น ใครที่ไม่รู้จักเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอ Marketing Automation กันโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นการช้อปปิ้งออนไลน์ตามแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่างๆ ไม่ว่าจะบนแอปฯ หรือบนเว็บไซต์ก็ตาม ในบางครั้งคุณอาจมีความรู้สึกสงสัยว่า “ทำไมแพลตฟอร์มเหล่านี้ถึงรู้ว่าเรากำลังมองหาสินค้าอะไรอยู่?” หรือบางทีก็มีอีเมลเสนอโปรโมชันพิเศษเข้ามาในจังหวะเวลาที่กำลังนึกถึงสินค้านั้นๆ อยู่แบบพอดิบพอดี ทำให้ในที่สุดก็ต้องเสียเงินให้กับร้านค้านั้นไปแบบไม่รู้ตัว ใครที่เคยผ่านประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้มาแล้ว บอกได้เลยว่าคุณกำลังตกอยู่ในวังวนของกลยุทธ์การตลาดผ่านระบบ Marketing Automation ไปเรียบร้อยแล้ว

                  ในทางเทคนิค ระบบ Marketing Automation ที่นักการตลาดนิยมใช้กันจะมีหลักการปฏิบัติที่เข้าใจไม่ยาก คือการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ให้มีหน้าที่เข้ามาช่วยจัดกิจกรรมทางการตลาดโดยอัตโนมัติ โดยจะเริ่มจากการเก็บข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ผ่านวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคลิกอ่านบทความ การสมัครสมาชิก ดาวน์โหลด ข้อมูลคุ้กกี้ (Cookies) และอื่นๆ จากนั้นระบบ  AI จะเข้ามาช่วยประมวลผลข้อมูลและเลือกนำเสนอคอนเทนต์หรือสร้างแคมเปญ ต่างๆ ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในจังหวะและเวลาที่เหมาะสมที่มีโอกาสในการขายสินค้าได้มากที่สุดนั่นเอง

                  ทำไมธุรกิจ E-Commerce ต้องใช้ Marketing Automation?

                  1. การจัดการข้อมูลลูกค้าในยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การบันทึกข้อมูล แต่ต้องสามารถวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นกับพฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ ระบบ Marketing Automation ที่เชื่อมต่อกับ CDP (Customer Data Platform) ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก ตั้งแต่พฤติกรรมการคลิกไปจนถึงความถี่ในการซื้อ ช่วยสร้างภาพรวมของลูกค้าแต่ละรายแบบ 360 องศา
                  2. การสร้างแคมเปญแบบ Personalization กลายเป็นหัวใจสำคัญ ระบบ Automation สามารถวิเคราะห์และจัดกลุ่มลูกค้าโดยอัตโนมัติ พร้อมส่งเนื้อหาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่คล้ายกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ หรือโปรโมชันในช่วงเวลาที่มีแนวโน้มว่าลูกค้าจะตอบสนองมากที่สุด ซึ่งช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างเห็นผล
                  3. การลดภาระงานซ้ำซ้อนถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ ระบบสามารถตั้งค่ากระบวนการทำงานแบบ Workflow เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่อีเมลต้อนรับหลังสมัครสมาชิก การแจ้งเตือนสินค้าที่ลูกค้าลืมชำระเงิน ไปจนถึงแคมเปญดูแลลูกค้าหลังการขาย ทีมงานจึงสามารถนำเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
                  4. การเติบโตของธุรกิจไม่ควรหยุดอยู่ที่ปริมาณลูกค้า ระบบ Marketing Automation รองรับการสเกลธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเพิ่มจำนวนคำสั่งซื้อ หลายประเทศ หลายภาษา หรือจัดการหลายแคมเปญพร้อมกันในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งหมดสามารถควบคุมได้จากแพลตฟอร์มเดียว ลดการพึ่งพาทรัพยากรคนในระยะยาว
                  5. การวัดผลและปรับกลยุทธ์คือหัวใจของความยั่งยืน ระบบ Automation ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญแต่ละรายการแบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถทราบทันทีว่าแคมเปญใดมี ROI สูง แคมเปญใดควรปรับปรุง พร้อมรับ Feedback และพฤติกรรมจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                  ตัวอย่างการใช้งาน Marketing Automation ใน E-Commerce ปี 2025

                  • Cart Abandonment Recovery: ส่งอีเมลเตือนพร้อมส่วนลดพิเศษทันทีที่ลูกค้าออกจากหน้าตะกร้า
                  • Product Recommendation: ระบบแนะนำสินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจ โดยอิงจากประวัติการซื้อและการเข้าชม
                  • Birthday Campaign: ส่งข้อความพร้อมโปรโมชั่นพิเศษในวันเกิดของลูกค้า
                  • Loyalty Nurturing: ให้รางวัลกับลูกค้าที่ซื้อซ้ำ หรือมีการตอบสนองต่อแคมเปญต่อเนื่อง
                  • Multi-channel Automation: ส่งสารสื่อสารผ่าน Email, SMS, LINE OA หรือแอปพลิเคชันในจังหวะที่เหมาะสม

                  เอาชนะตลาด E-Commerce ด้วย Marketing Automation ในยุค 2025

                  ในปี 2025 โลก E‑Commerce เข้าสู่การแข่งขันขั้นสูงสุดที่ผู้บริโภคคาดหวังประสบการณ์แบบ Personalization และความรวดเร็วในการตอบสนอง จากเดิมที่ใช้เพียงเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลัก ธุรกิจยังต้องบริหารจัดการข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์มอย่าง Messenger, LINE, Instagram, แอปพลิเคชันบนมือถือ และเว็บไซต์พร้อมกัน Marketing Automation จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึก (Customer Insights) วิเคราะห์พฤติกรรม และสร้างแคมเปญที่ตรงใจผู้ซื้อแบบ Real‑Time ตั้งแต่การรับอีเมลต้อนรับครั้งแรก ไปจนถึงการแนะนำสินค้าหลังการซื้อ เพื่อรักษาความสัมพันธ์และขยาย Life‑time Value ของลูกค้า

                  ประโยชน์หลักของระบบ Marketing Automation สำหรับธุรกิจ E‑Commerce ในปี 2025 ประกอบด้วย

                  1. การรวบรวมช่องทางสื่อสารแบบไร้รอยต่อ ในยุคที่ลูกค้าอาจกระโดดไปมาระหว่าง Facebook Messenger, LINE, Instagram DM และ Live Chat บนเว็บไซต์ ระบบอัตโนมัติจะช่วยนำทุกข้อความและข้อมูลการโต้ตอบมารวมไว้ในแดชบอร์ดเดียว ทำให้ทีมงานมองเห็นภาพรวมได้ทันที ไม่พลาดข้อความสำคัญ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

                  2. การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การมอบหมายงานซ้ำซ้อนอย่างการส่งอีเมลต้อนรับ การติดตามตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง และการรีมาร์เก็ตติ้ง สามารถตั้งค่าเป็น Workflow อัตโนมัติได้ทั้งหมด ช่วยลดการใช้ทรัพยากรบุคคลและเวลาในการดำเนินงานได้มากกว่า 50% ทำให้ทีมงานมีเวลามุ่งเน้นการวางกลยุทธ์และพัฒนาแคมเปญที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น

                  3. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวด้วยข้อมูลเชิงลึก นอกจากการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์แล้ว Marketing Automation ยังช่วยบันทึกและวิเคราะห์ Customer Journey ตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าโต้ตอบกับแบรนด์ ข้อมูลเหล่านี้นำมาใช้สร้างโมเดลพยากรณ์ยอดขาย วางแผนโปรโมชั่นช่วงเทศกาล หรือออกแบบ Loyalty Program ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การลงทุนในช่องทางต่างๆ เป็นไปอย่างคุ้มค่าและต่อเนื่อง

                  สรุปได้ว่า Marketing Automation ไม่เพียงเป็นเครื่องมือช่วยให้การตลาด E‑Commerce รวดเร็วและแม่นยำ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ สร้างความประทับใจ และรักษาฐานผู้ซื้อได้อย่างยั่งยืน

                  Connect X พร้อมมอบโซลูชัน Marketing Automation ที่ผสานกับ CDP, CRM และโซลูชัน Social Chats อย่างครบวงจร เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวทันทุกเทคโนโลยีและยืนหนึ่งในตลาด E‑Commerce ปี 2025

                  ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

                  *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                    Yearly Budget

                    How do you know us?

                    Omnichannels กลยุทธ์การตลาดที่ทุกธุรกิจต้องใช้ในปัจจุบัน

                    Omnichannels

                    ในยุคที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลาย การแข่งขันทางธุรกิจจึงไม่ได้วัดกันแค่ที่สินค้าและราคาต่อหน่วยอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ “ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับในทุกช่องทาง” และนี่คือเหตุผลที่ Connect X อยากพาคุณมารู้จักกับ กลยุทธ์ Omnichannels แนวทางสำคัญที่แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างยั่งยืน

                    โดยเฉพาะในปี 2025 นี้ ลูกค้าไม่ได้อยู่แค่บนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง พวกเขากระจายตัวอยู่ทั้งบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย อีเมล ไปจนถึงหน้าร้านจริง การเข้าถึงและดูแลลูกค้าในทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) อย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกัน จึงกลายเป็น “ความคาดหวัง” มากกว่าจะเป็น “ความพิเศษ”

                    แนวคิด Omnichannel ไม่ได้หมายถึงการมีช่องทางเยอะ แต่คือการทำให้ ทุกช่องทางทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ เช่น ลูกค้าสามารถเริ่มต้นสนใจสินค้าในโซเชียลมีเดีย พูดคุยเพิ่มเติมกับทีมแอดมินผ่านแชทบอท กดสั่งซื้อในแอป แล้วเลือกไปรับสินค้าที่หน้าร้าน โดยประสบการณ์ทั้งหมดต้องสอดคล้องและราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ

                    Connect X เชื่อว่ากลยุทธ์ Omnichannel ไม่ใช่แค่เครื่องมือการตลาด แต่เป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ของแบรนด์ที่ต้องการสร้างการเติบโตในระยะยาว และในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบลงลึกว่า Omnichannel คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ และจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร

                    What omnichannel customer service really means?

                    Omnichannel Marketing คืออะไร และทำไมจึงเป็นหัวใจของประสบการณ์ลูกค้ายุคใหม่

                    Omnichannel Marketing คือแนวทางการตลาดที่ผสานทุกช่องทางการสื่อสาร การขาย และบริการเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เป้าหมายคือการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ “เป็นหนึ่งเดียว” ไม่ว่าลูกค้าจะเลือกติดต่อหรือซื้อสินค้าผ่านช่องทางใดก็ตาม แบรนด์จะต้องสามารถจดจำบริบท ความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

                    ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถเริ่มต้นเลือกสินค้าในแอปพลิเคชันของแบรนด์ ใช้คูปองส่วนลดที่ได้จากอีเมล แล้วเลือกรับสินค้าเองที่หน้าร้าน ซึ่งทุกขั้นตอนนี้ไม่ใช่กระบวนการแยกขาด แต่เชื่อมโยงกันอยู่ภายใต้ระบบเดียวกันอย่างราบรื่น นี่คือหัวใจของ Omnichannel Marketing ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สะดวก รู้สึกเป็นเจ้าของ และไว้วางใจในแบรนด์มากขึ้น

                    แนวทางนี้แตกต่างจาก Multi-channel ตรงที่ Multi-channel อาจมีหลายช่องทาง แต่แต่ละช่องทางแยกกันทำงาน ขาดการเชื่อมโยงและสื่อสารร่วมกัน ในขณะที่ Omnichannel เน้นการออกแบบระบบเบื้องหลังให้ทุกช่องทางทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เพื่อสร้าง “เส้นทางลูกค้า” ที่ชัดเจนและต่อเนื่องที่สุด

                    ตัวอย่างจากแบรนด์ KFC

                    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ KFC ซึ่งเปิดให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน โดยสามารถใช้คูปองส่วนลดออนไลน์เพื่อรับสิทธิพิเศษ แต่ยังเลือกชำระเงินและรับสินค้าที่ร้านสาขาใกล้บ้านได้ ประสบการณ์นี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าสะดวก ควบคุมได้ และตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ยืดหยุ่น ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและพฤติกรรมการใช้จ่าย

                    เมื่อระบบหลังบ้านสามารถประสานข้อมูลการสั่งซื้อ โปรโมชั่น และสถานะสมาชิกได้อย่างแม่นยำ ลูกค้าก็จะได้รับประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะอยู่หน้าจอมือถือหรือต่อแถวที่ร้าน นี่คือสิ่งที่ทำให้ Omnichannel ไม่ใช่แค่แนวคิดการตลาด แต่เป็นการออกแบบ “ระบบความสัมพันธ์กับลูกค้า” ที่มีประสิทธิภาพในทุกจุดสัมผัส

                    ทำไม Omnichannels ถึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจในยุคนี้

                    ในโลกที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายและสามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้จากทุกที่ทุกเวลา “ประสบการณ์” ที่ลูกค้าได้รับจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความภักดี มากกว่าคำว่า “แคมเปญโปรโมชั่น” หรือ “ราคาที่ถูกกว่า” และนี่คือจุดที่กลยุทธ์ Omnichannel เข้ามามีบทบาทสำคัญ

                    ข้อมูลจากหลายงานวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า ลูกค้ามากกว่า 80% ชื่นชอบการได้รับประสบการณ์ที่ “สอดคล้องและต่อเนื่อง” ไม่ว่าจะเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารจากเว็บไซต์ไปยังแอปพลิเคชัน หรือจากโซเชียลมีเดียไปยังหน้าร้าน พวกเขาต้องการให้แบรนด์จดจำตัวตน ความต้องการ และประวัติการโต้ตอบได้อย่างแม่นยำ

                    นอกจากนี้ ธุรกิจที่นำกลยุทธ์ Omnichannel มาใช้ยังพบว่า สามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้มากขึ้นถึง 90% เมื่อเทียบกับกลยุทธ์ที่ใช้เพียงช่องทางเดียวในการสื่อสารหรือขายสินค้า ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ความพึงพอใจ แต่ยังหมายถึงต้นทุนที่ลดลงจากการหาลูกค้าใหม่ และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อซ้ำและการบอกต่อ

                    การวาง Customer Journey ที่ไร้รอยต่อจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “มาตรฐานใหม่ของการตลาดที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง” โดยเฉพาะเมื่อคุณสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากแต่ละ Touchpoint เพื่อเข้าใจลูกค้าในมิติต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง เช่น พฤติกรรมการซื้อ ช่องทางที่ใช้งานบ่อย และช่วงเวลาที่มีแนวโน้มในการตัดสินใจซื้อสูง

                    กล่าวอีกอย่างคือ หากธุรกิจต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคที่ลูกค้าควบคุมประสบการณ์ของตนเองได้มากขึ้น กลยุทธ์ Omnichannel คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณ “ไม่เพียงแค่เข้าถึงลูกค้า แต่ยังรักษาและสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับพวกเขาได้อย่างแท้จริง”

                    Omnichannels marketing คืออะไร?

                    Ominichannel เป็นการผสมผสานระหว่างช่องทางต่างๆ เข้าด้วยกันดังเช่นในภาพข้างล่าง ซึ่งใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเส้นทางของลูกค้า Customer Journey เพื่อช่วยให้ลูกค้านั้นได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดตั้งแต่การกดมาเจอหน้าสินค้า กระบวนการระหว่างซื้อ จนกระทั่งซื้อสินค้า การตลาดแบบช่องทาง Omni ใช้มุมมองที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ทางการตลาด ผู้บริโภคสามารถโต้ตอบกับแบรนด์ต่างๆ ผ่านช่องทางต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โซเชียลมีเดียไปจนถึงสายด่วนบริการลูกค้า (call center) แนวทางแบบ Omnichannel ช่วยให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์เชิงบวกและสม่ำเสมอในแต่ละช่องทาง

                    ขอยกตัวอย่างในเคสของ KFC โดยก่อนที่เราจะถึงร้านเราสามารถสั่งอาหารผ่านตัวแอพลิเคชั่นของ KFC โดยใช้ส่วนลดคูปองออนไลน์แต่เราเลือกที่จะไปจ่ายเงินที่ร้านและรับอาหารที่ร้านได้

                    ข้อดีของการทำ Omnichannels ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

                    1. สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีและสอดคล้องกันในทุกช่องทาง

                    การใช้กลยุทธ์ Omnichannel ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเป็นส่วนตัวและต่อเนื่อง ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้อง ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนจากแอปพลิเคชันไปยังเว็บไซต์ หรือจากโซเชียลมีเดียไปยังหน้าร้านจริง ข้อมูลและประวัติการโต้ตอบของลูกค้าจะยังคงเชื่อมต่อกัน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ “รู้จักเขา” และเข้าใจความต้องการอย่างแท้จริง

                    2. เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากการมีส่วนร่วมหลายช่องทาง

                    เมื่อแบรนด์สามารถเชื่อมโยง Touchpoint ได้ครบทุกมิติ ก็จะสามารถสร้างโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ลูกค้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ผ่านหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ อีเมล แอป หรือหน้าร้าน มักมีแนวโน้มในการตัดสินใจซื้อที่มากกว่า งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ลูกค้าแบบ Omnichannel มีมูลค่าการซื้อสูงกว่าลูกค้าที่ใช้เพียงช่องทางเดียวถึงกว่า 30% ส่งผลให้รายได้รวมของธุรกิจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

                    3. ได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนากลยุทธ์อย่างแม่นยำ

                    กลยุทธ์ Omnichannel ไม่ได้แค่สร้างความสะดวกให้กับลูกค้า แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายจุดสัมผัสได้อย่างเป็นระบบ ข้อมูลเหล่านี้จะเผยให้เห็นว่า ลูกค้าชอบสินค้าแบบใด ใช้ช่องทางไหนมากที่สุด และแคมเปญแบบใดที่ให้ผลตอบรับดีที่สุด ทำให้แบรนด์สามารถวางแผนการตลาดที่ตรงจุด ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า และบริหารต้นทุนด้านการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

                    เชื่อมทุกช่องทางอย่างมีกลยุทธ์ ด้วยแนวคิด Omnichannels จาก Connect X

                    ในยุคที่ลูกค้าอยู่ได้ทุกที่ และเปลี่ยนพฤติกรรมได้ตลอดเวลา การตลาดที่ไม่เชื่อมโยงกันย่อมสร้างช่องว่างระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค กลยุทธ์ Omnichannel จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าในทุกมิติ ตอบสนองได้ทันที และสร้างประสบการณ์ที่ต่อเนื่องในทุก Touchpoint

                    Connect X มองว่า Omnichannel ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือเรื่องของ “ความเข้าใจลูกค้า” และ “การเชื่อมต่ออย่างมีเป้าหมาย” เราจึงออกแบบโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถรวมศูนย์การสื่อสาร วิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง และนำไปสู่กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริง

                    หากคุณกำลังมองหาแนวทางที่จะทำให้ทุกช่องทางกลายเป็นโอกาส และเปลี่ยนทุกการโต้ตอบให้กลายเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว Connect X พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นและเติบโตไปกับกลยุทธ์ Omnichannel อย่างมั่นใจ

                    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี !

                    *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (MarTech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ

                      Yearly Budget

                      How do you know us?