Category Archives: Marketing Automation

วิธีเอาชนะ Data Silos และเสริมประสิทธิภาพแคมเปญทางการตลาด

data silos

ข้อมูลมักถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิผลถูกขัดขวางโดยปัญหาทั่วไป นั่นก็คือ Data Silos ไซโลเหล่านี้เป็นที่เก็บข้อมูลแยกต่างหากที่มีอยู่ในองค์กร ทำให้การเข้าถึง แบ่งปัน และวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างแผนกและระบบต่างๆ เป็นเรื่องที่ท้าทาย ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกแนวคิดของไซโลข้อมูล ผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อองค์กร และกลยุทธ์ในการทำลายไซโลข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเต็มศักยภาพ

ทำความเข้าใจ Data Silos

ไซโลข้อมูลคือสถานการณ์ที่ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือระบบที่แยกออกมาซึ่งส่วนอื่นขององค์กรไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไซโลเหล่านี้สามารถสร้างขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่:

  1. Departmental Segmentation: แผนกต่างๆ ภายในองค์กรอาจใช้ระบบหรือเครื่องมือที่แยกจากกันซึ่งไม่ได้สื่อสารระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการแยกข้อมูล
  2. ระบบเดิม: ระบบรุ่นเก่าอาจเข้ากันไม่ได้กับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ยากต่อการบูรณาการเข้ากับระบบข้อมูลสมัยใหม่
  3. การขาดการกำกับดูแลข้อมูล: แนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแลข้อมูลที่ไม่เพียงพออาจนำไปสู่การแพร่กระจายของไซโลข้อมูล เนื่องจากข้อมูลไม่ได้รับมาตรฐานหรือได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ผลกระทบที่เป็นอันตรายของไซโลข้อมูล

ความไร้ประสิทธิภาพ

ไซโลข้อมูลสร้างความซ้ำซ้อนและความไร้ประสิทธิภาพ การป้อนข้อมูลซ้ำ ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน และความจำเป็นในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างระบบด้วยตนเอง ซึ่งเสียเวลาและทรัพยากร

การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง

ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือล้าสมัยภายในไซโลอาจทำให้การตัดสินใจไม่ดี ผู้มีอำนาจตัดสินใจอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและครอบคลุมที่สุด ส่งผลให้มีทางเลือกที่ไม่ดีนัก

ความร่วมมือแบบจำกัด

ไซโลข้อมูลขัดขวางการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกต่างๆ ทีมไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลหรือทำงานร่วมกันในโครงการที่ต้องการการเข้าถึงแหล่งข้อมูลหลายแหล่งได้อย่างง่ายดาย

พลาดโอกาส

ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าสามารถยังคงซ่อนอยู่ในไซโลข้อมูล ธุรกิจอาจพลาดโอกาสในการสร้างนวัตกรรม การเติบโต และการประหยัดต้นทุน เนื่องจากขาดมุมมองข้อมูลแบบองค์รวม

กลยุทธ์ในการทำลายไซโลข้อมูล

การจัดการข้อมูล

บูรณาการแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกันเพื่อสร้างระบบนิเวศข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียว ใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มบูรณาการข้อมูลที่ทันสมัยซึ่งอำนวยความสะดวกในการไหลเวียนของข้อมูลข้ามระบบ

การกำกับดูแลข้อมูล

สร้างแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลข้อมูลที่แข็งแกร่งเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของข้อมูล ความสอดคล้อง และความปลอดภัย สร้างมาตรฐานข้อมูลและโปรโตคอลที่ทุกแผนกปฏิบัติตาม

โซลูชั่นบนคลาวด์

ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์บนคลาวด์ ซึ่งมักจะมีเครื่องมือบูรณาการในตัวและความสามารถในการปรับขนาดเพื่อรองรับความต้องการข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

ทีมงานข้ามสายงาน

จัดตั้งทีมข้ามสายงานเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากแผนกต่างๆ เพื่อระบุและจัดการกับไซโลข้อมูล ทีมเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาโซลูชันการรวมข้อมูล

คลังข้อมูล

พิจารณาการใช้คลังข้อมูลที่รวมศูนย์และจัดระเบียบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ คลังข้อมูลเป็นแหล่งความจริงแหล่งเดียวที่แผนกต่างๆ สามารถเข้าถึงได้

ประโยชน์ของการทำลายไซโลข้อมูล

การตัดสินใจที่ดีขึ้น

ข้อมูลแบบครบวงจรช่วยให้มองเห็นธุรกิจได้แม่นยำและครอบคลุมยิ่งขึ้น นำไปสู่การตัดสินใจและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ดีขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพ

การรวมข้อมูลช่วยลดความซ้ำซ้อนและทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นอัตโนมัติ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุน

ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุง

ข้อมูลลูกค้าแบบรวมช่วยให้มองเห็นลูกค้าได้แบบ 360 องศา ช่วยให้ทำการตลาดเฉพาะตัวได้มากขึ้น และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

นวัตกรรมและความคล่องตัว

การทำลายไซโลข้อมูลช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและความคล่องตัวภายในองค์กร เนื่องจากทีมสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วสำหรับโอกาสใหม่ๆ และแนวโน้มของตลาด

บทสรุป

ไซโลข้อมูลเป็นอุปสรรคที่พบบ่อยในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งกีดขวางบนถนนอย่างถาวร การใช้กลยุทธ์ในการทำลายไซโลเหล่านี้ องค์กรต่างๆ สามารถปลดปล่อยศักยภาพของข้อมูลได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่การตัดสินใจที่มีข้อมูลมากขึ้น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด ในยุคของข้อมูล องค์กรที่สามารถบูรณาการและใช้ข้อมูลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพจะประสบความสำเร็จ ในขณะที่องค์กรที่ถูกกักขังโดยไซโลข้อมูลมีความเสี่ยงที่จะล้าหลัง

สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ ConnectX ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย ConnectX Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

ConnectX คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

    Yearly Budget

    How do you know us?

    Customer Segmentation คือ อะไร? กลยุทธ์พื้นฐานก่อนทำ Marketing Automation

    customer segmentation คือ

    customer segmentation คือ แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ได้ปฏิวัติวิธีที่ธุรกิจเข้าใจและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ในยุคแห่งการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การแบ่งส่วนลูกค้าได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับบริษัททุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม บทความนี้สำรวจแนวคิดเรื่องการแบ่งส่วนลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

    Customer Segmentation คือ อะไร?

    การแบ่งส่วนลูกค้าเป็นกระบวนการแบ่งฐานลูกค้าของบริษัทออกเป็นกลุ่มหรือเซ็กเมนต์ที่แตกต่างกันตามลักษณะ พฤติกรรม และความชอบร่วมกัน กลุ่มเหล่านี้อาจครอบคลุมปัจจัยที่หลากหลาย เช่น ข้อมูลประชากร ข้อมูลจิตวิทยา พฤติกรรมการซื้อ และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

    การปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลและการตลาดแบบเฉพาะตัว

    ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการแบ่งส่วนลูกค้าคือความสามารถในการนำเสนอแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัว ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการและความชอบเฉพาะตัวของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ธุรกิจจะสามารถสร้างข้อความและข้อเสนอที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มได้ การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำการตลาดได้อย่างมากและผลักดันอัตราการแปลงที่สูงขึ้น

    ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

    การแบ่งส่วนช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าโดยปรับแต่งผลิตภัณฑ์ บริการ และการสนับสนุนให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของแต่ละเซ็กเมนต์ เมื่อลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจเข้าใจและตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคล พวกเขามีแนวโน้มที่จะยังคงภักดีและแนะนำแบรนด์ให้กับผู้อื่น

    การจัดสรรทรัพยากร

    การแบ่งส่วนลูกค้าที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพสูง บริษัทต่างๆ จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของแคมเปญการตลาดของตนได้

    การแบ่งกลุ่มประชากร

    การแบ่งส่วนข้อมูลประชากรจัดหมวดหมู่ลูกค้าตามปัจจัยทางประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ รายได้ การศึกษา และสถานภาพการสมรส แนวทางนี้มีประโยชน์สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่น่าดึงดูดใจในวงกว้าง แต่อาจยังคงแสดงการตั้งค่าของลูกค้าที่แตกต่างกันไปตามลักษณะทางประชากร

    การแบ่งส่วนทางจิตวิทยา

    การแบ่งส่วนทางจิตวิทยาจะเจาะลึกถึงลักษณะทางจิตวิทยาและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ค่านิยม ความสนใจ ทัศนคติ และบุคลิกภาพ การแบ่งส่วนเชิงจิตวิทยามีประโยชน์ในการทำความเข้าใจว่าเหตุใดลูกค้าจึงตัดสินใจซื้อและรับรู้ถึงแบรนด์อย่างไร

    การแบ่งส่วนพฤติกรรม

    การแบ่งส่วนตามพฤติกรรมมุ่งเน้นไปที่การกระทำของลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ ความภักดีต่อแบรนด์ รูปแบบการใช้งาน และการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด การแบ่งส่วนประเภทนี้ช่วยให้ธุรกิจระบุโอกาสในการขายต่อยอด การขายต่อเนื่อง และกลยุทธ์การรักษาลูกค้าได้

    การแบ่งส่วนทางภูมิศาสตร์

    การแบ่งส่วนตามภูมิศาสตร์แบ่งลูกค้าตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เช่น ประเทศ ภูมิภาค เมือง หรือรหัสไปรษณีย์ มันมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการในภูมิภาคที่แตกต่างกันหรือผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพด้านลอจิสติกส์และการจัดจำหน่าย

    การดำเนินการแบ่งส่วนลูกค้า

    การรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อมูล

    ขั้นตอนแรกในการใช้การแบ่งส่วนลูกค้าคือการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ซอฟต์แวร์การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) การทำแบบสำรวจ การตรวจสอบการวิเคราะห์เว็บไซต์ และการใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลภายนอก

    การระบุส่วนงาน

    เมื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว ธุรกิจจะต้องระบุกลุ่มลูกค้าที่มีความหมาย ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลหรือการทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อเปิดเผยรูปแบบที่ซ่อนอยู่และจัดกลุ่มลูกค้าตามความคล้ายคลึงกัน

    กลยุทธ์การตลาดที่ปรับให้เหมาะสม

    ด้วยการระบุกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจสามารถพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะกับแต่ละกลุ่มได้ ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างแคมเปญอีเมลส่วนบุคคล การปรับกลยุทธ์การกำหนดราคา หรือการสร้างคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่กำหนดเอง

    การติดตามและการปรับตัว

    การแบ่งส่วนลูกค้าไม่ใช่การดำเนินการเพียงครั้งเดียว ต้องมีการติดตามและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจควรประเมินประสิทธิผลของกลยุทธ์ของตนเป็นประจำ ปรับแต่งกลุ่มตามความจำเป็น และคอยติดตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

    บทสรุป

    Customer Segmentation เป็นกลยุทธ์พื้นฐานสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ด้วยการทำความเข้าใจลูกค้าในระดับที่ลึกยิ่งขึ้นและปรับแต่งแคมเปญตลาดให้เหมาะสม บริษัทต่างๆ สามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ขับเคลื่อนการเติบโต และบรรลุผลตอบแทนจากการลงทุนทางการตลาดที่สำคัญมากขึ้น การยอมรับการแบ่งส่วนลูกค้าไม่ใช่แค่กระแสเท่านั้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการปลดล็อกความสำเร็จทางธุรกิจในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน

    สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

    เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

    Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

      Yearly Budget

      How do you know us?

      วิธีการสร้าง Buyer Personas สำหรับธุรกิจของคุณ

      buyer persona

      buyer personaในธุรกิจของคุณคือใคร? และถ้าเป็นเช่นนั้นคุณรู้เกี่ยวกับพวกเขามากแค่ไหน?

      buyer personas ของผู้ซื้อคือการนำเสนอกึ่งสมมติของลูกค้าในอุดมคติของคุณตามข้อมูลและการวิจัย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณทุ่มเทเวลาให้กับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม แนะนำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายของคุณ และทำให้งานทั้งหมดในองค์กรของคุณสอดคล้องกัน (ตั้งแต่การตลาดไปจนถึงการขายไปจนถึงการบริการ)

      ด้วยเหตุนี้ คุณจะสามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชม ลีด และลูกค้าที่มีมูลค่าสูงมายังธุรกิจของคุณ ซึ่งคุณมีแนวโน้มที่จะรักษาไว้เมื่อเวลาผ่านไป

      โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตัวตนของผู้ซื้อเป็นสิ่งสำคัญในการผลักดันการสร้างเนื้อหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การติดตามผลการขาย และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการได้ลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า

      เหตุใด Buyer Persona จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณ

      บุคลิกของผู้ซื้อช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณ (และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า) ได้ดีขึ้น วิธีนี้ช่วยให้คุณปรับแต่งเนื้อหา ข้อความ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้ตรงกับความต้องการ พฤติกรรม และข้อกังวลเฉพาะของสมาชิกในกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ง่ายขึ้น

      ตัวอย่างเช่น คุณอาจรู้ว่าผู้ซื้อเป้าหมายของคุณคือผู้ดูแล แต่คุณทราบความต้องการและความสนใจเฉพาะของพวกเขาหรือไม่ ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของผู้ซื้อในอุดมคติของคุณคืออะไร? เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรที่ทำให้ลูกค้าที่ดีที่สุดของคุณเลือก การพัฒนาบุคลิกภาพโดยละเอียดสำหรับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญ

      บุคลิกของผู้ซื้อที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมาจากการวิจัยตลาดและข้อมูลเชิงลึกที่คุณรวบรวมจากฐานลูกค้าจริงของคุณ (ผ่านการสำรวจ การสัมภาษณ์ ฯลฯ)

      ขึ้นอยู่กับธุรกิจของคุณ คุณอาจมีบุคลิกเพียงหนึ่งหรือสองคนหรือมากถึง 10 หรือ 20 คน แต่ถ้าคุณยังใหม่กับบุคลิก ให้เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ คุณสามารถพัฒนาบุคลิกเพิ่มเติมได้ในภายหลังหากจำเป็น

      บุคลิกของผู้ซื้อสามารถนำมาใช้ในด้านการตลาดได้อย่างไร?

      ในระดับพื้นฐานที่สุด การพัฒนาบุคลิกภาพช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาและข้อความที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายหรือปรับแต่งการตลาดของคุณสำหรับกลุ่มผู้ชมต่างๆ ของคุณ

      ตัวอย่างเช่น แทนที่จะส่งอีเมลดูแลลูกค้าเป้าหมายฉบับเดียวกันไปยังทุกคนในฐานข้อมูลของคุณ คุณสามารถแบ่งกลุ่มตามลักษณะนิสัยของผู้ซื้อและปรับแต่งข้อความของคุณตามสิ่งที่คุณรู้เกี่ยวกับลักษณะต่างๆ เหล่านั้น

      นอกจากนี้ เมื่อรวมกับระยะวงจรชีวิต (เช่น ระยะที่ผู้ซื้ออยู่ในวงจรการขายของคุณ) บุคลิกของผู้ซื้อยังช่วยให้คุณกำหนดและสร้างเนื้อหาที่ตรงเป้าหมายได้สูง (คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการดังกล่าวได้โดยดาวน์โหลดเทมเพลตการแมปเนื้อหาของเรา)

      และถ้าคุณใช้เวลาสร้างบุคลิกเชิงลบด้วย คุณจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมโดยสามารถแบ่งกลุ่มลักษณะที่ไม่ดีออกจากผู้ติดต่อที่เหลือได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับต้นทุนต่อโอกาสในการขายที่ต่ำลงและ ต้นทุนต่อลูกค้าหนึ่งรายดังนั้นจึงเห็นยอดขายที่สูงขึ้น

      วิธีสร้าง Buyer Persona

      บุคลิกของผู้ซื้อสามารถสร้างขึ้นได้จากการค้นคว้า การสำรวจ และการสัมภาษณ์ โดยทั้งหมดประกอบด้วยลูกค้า ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และผู้ที่อยู่นอกฐานข้อมูลผู้ติดต่อของคุณซึ่งอาจสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

      ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่นำไปใช้ได้จริงในการรวบรวมข้อมูลที่คุณต้องการเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ:

      • ตรวจสอบฐานข้อมูลผู้ติดต่อของคุณเพื่อค้นหาแนวโน้มว่าลีดหรือลูกค้าบางรายค้นหาและบริโภคเนื้อหาของคุณอย่างไร
      • ใช้ฟิลด์ฟอร์มที่เก็บข้อมูลบุคคลสำคัญเมื่อสร้างฟอร์มเพื่อใช้ในเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าบุคลิกทั้งหมดของคุณแตกต่างกันไปตามขนาดของบริษัท ให้ขอข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของบริษัทในแบบฟอร์มของคุณ
      • พิจารณาความคิดเห็นของทีมขายเกี่ยวกับลีดที่พวกเขาโต้ตอบด้วยมากที่สุด พวกเขาสามารถสรุปอะไรได้บ้างเกี่ยวกับลูกค้าประเภทต่างๆ ที่คุณให้บริการได้ดีที่สุด
      • สัมภาษณ์ลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเพื่อค้นหาสิ่งที่พวกเขาชอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

      คุณจะใช้การวิจัยข้างต้นเพื่อสร้าง Buyer Persona ได้อย่างไร?

      เมื่อคุณผ่านขั้นตอนการวิจัยแล้ว คุณจะมีข้อมูลดิบจำนวนมากเกี่ยวกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและลูกค้าปัจจุบันของคุณ แต่คุณจะทำอย่างไรกับมัน? คุณจะกลั่นกรองข้อมูลทั้งหมดได้อย่างไรเพื่อให้ทุกคนเข้าใจข้อมูลทั้งหมดที่คุณรวบรวมได้ง่าย

      ขั้นตอนต่อไปคือการใช้การวิจัยของคุณเพื่อระบุรูปแบบและความคล้ายคลึงกันจากคำตอบสำหรับคำถามสัมภาษณ์ของคุณ พัฒนาบุคลิกหลักอย่างน้อยหนึ่งอย่าง และแบ่งปันบุคลิกนั้นกับคนอื่นๆ ในบริษัท

      ต่อไปนี้คือวิธีดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตัวตนของผู้ซื้อโดยละเอียด

      1. กรอกข้อมูลพื้นฐานทางประชากรศาสตร์ของคุณ
        ถามคำถามตามข้อมูลประชากรทางโทรศัพท์ ด้วยตนเอง หรือแบบสำรวจออนไลน์ (บางคนสะดวกใจที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเช่นนี้) นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ในการใส่คำศัพท์และลักษณะท่าทางที่สื่อความหมายเกี่ยวกับบุคลิกของคุณที่คุณอาจหยิบยกขึ้นมาในระหว่างการสนทนา เพื่อให้คนในทีมของคุณระบุตัวตนบางอย่างได้ง่ายขึ้นเมื่อพูดคุยกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีดำเนินการในส่วนที่ 1 ในเทมเพลตของคุณสำหรับหนึ่งในบุคคลของคุณ:ผู้ซื้อบุคคลเทมเพลต
      2. แบ่งปันสิ่งที่คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับแรงจูงใจในบุคลิกภาพของคุณ
        นี่คือที่ที่คุณจะกลั่นกรองข้อมูลที่คุณได้เรียนรู้จากการถามทำไมระหว่างการสัมภาษณ์เหล่านั้น อะไรทำให้บุคลิกของคุณตื่นขึ้นในตอนกลางคืน? พวกเขาอยากเป็นใคร? สิ่งสำคัญที่สุดคือเชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกันโดยบอกผู้คนว่าบริษัทของคุณสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร
      3. ช่วยทีมขายของคุณเตรียมพร้อมสำหรับการสนทนากับบุคคลของคุณ
        รวมคำพูดจริงจากการสัมภาษณ์ของคุณที่เป็นตัวอย่างว่าบุคคลของคุณกังวลเกี่ยวกับอะไร พวกเขาเป็นใคร และต้องการอะไร จากนั้นสร้างรายการข้อโต้แย้งที่พวกเขาอาจหยิบยกขึ้น เพื่อให้ทีมขายของคุณเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับข้อโต้แย้งเหล่านั้นในระหว่างการสนทนากับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า
      4. สร้างข้อความสำหรับบุคลิกของคุณ
        บอกให้ผู้คนพูดถึงผลิตภัณฑ์/บริการของคุณด้วยบุคลิกของคุณอย่างไร ซึ่งรวมถึงคำศัพท์สำคัญที่คุณควรใช้ เช่นเดียวกับระดับลิฟต์ทั่วไปที่วางตำแหน่งโซลูชันของคุณในลักษณะที่สอดคล้องกับบุคลิกของคุณ สุดท้าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณตั้งชื่อบุคคลของคุณ (เช่น ผู้จัดการฝ่ายการเงิน Margie, IT Ian หรือ Landscaper Larry) เพื่อให้ทุกคนเรียกบุคคลภายในในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้มีความสอดคล้องกันระหว่างทีม

      สรุป

      สร้างตัวตนของผู้ซื้อเพื่อทำความเข้าใจลูกค้าเป้าหมายในระดับที่ลึกขึ้น และทำให้มั่นใจว่าทุกคนในทีมของคุณรู้วิธีกำหนดเป้าหมาย สนับสนุน และทำงานร่วมกับลูกค้าของคุณอย่างดีที่สุด วิธีนี้จะช่วยคุณปรับปรุงการเข้าถึง เพิ่มการแปลง และเพิ่มความภักดี

      สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

      เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

      Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

        Yearly Budget

        How do you know us?

        3 บริษัทที่ประสบความสำเร็จในการใช้ Customer segmentation

        3 Companies Mastering Customer Segmentation

        ในโลกที่มีผลิตภัณฑ์มากมาย การสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล (Personalized Marketing) จาก Customer segmentation คือ สิ่งที่สามารถช่วยให้บริษัทของคุณโดดเด่นได้ ในความเป็นจริง 80% ของผู้ซื้อกล่าวว่าพวกเขาชอบที่จะซื้อจากแบรนด์ที่มอบประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

        Customer segmentation คือ อะไร?

        การแบ่งกลุ่มลูกค้าคือกระบวนการแบ่งฐานลูกค้าทั้งหมดของคุณออกเป็นกลุ่มย่อยตามลักษณะที่มีร่วมกัน ข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงข้อมูลประชากร พฤติกรรม ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือข้อมูลทางจิตวิทยา เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง การแบ่งกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และปรับข้อเสนอของคุณให้ตรงใจพวกเขา

        3 Customer segmentation ตัวอย่าง

        H&M

        ประเภทของการแบ่งส่วน: ประชากร (วันเดือนปีเกิด)

        หนึ่งในวิธีที่ง่ายและพบได้บ่อยที่สุดในการแบ่งกลุ่มลูกค้าของคุณคือตามวันเกิด จะทำให้คุณมีโอกาสในการส่งอีเมลส่วนตัวให้ลูกค้าโดยไม่ดูเร่งรีบ

        H&M เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใช้เกณฑ์การแบ่งส่วนนี้ H&M ให้ส่วนลดวันเกิดซึ่งใช้ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด ส่วนลด 25% และคงน่าเสียดายหากปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์

        Argos

        ประเภทการแบ่งกลุ่ม: ประชากร (รายได้)

        การทำความเข้าใจจำนวนเงินที่ลูกค้ายินดีจ่ายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจใดๆ ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณเสนอทั้งตัวเลือกที่เหมาะสมและมีราคาแพง หากคุณประเมินรายได้ของลูกค้าอย่างถูกต้อง คุณจะสามารถนำเสนอข้อเสนอที่เหมาะสมกับกลุ่มที่เหมาะสมได้

        ตัวอย่างที่ดีของสิ่งนี้คือเครือข่ายร้านค้าปลีก Argos มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เมื่อดูจากการซื้อที่ผ่านมาของลูกค้า พวกเขาสามารถประเมินงบประมาณและอายุของพวกเขาได้ ตัวอย่างคูปองที่ Argos ส่งอีเมลถึงลูกค้าระดับกลางในช่วงวันจ่ายเงินเดือน

        L’Oreal

        ประเภทการแบ่งกลุ่มลูกค้า: ประชากร/จิตวิทยา

        L’Oreal เป็นหนึ่งในแบรนด์ความงามที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ลูกค้าจำนวนมากของมีความภักดีต่อแบรนด์มานานหลายทศวรรษ อาจไม่น่าแปลกใจเลยที่ L’Oreal ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกค้าที่มีอายุมากกว่า

        ลูกค้า L’Oreal ในประเทศเนเธอร์แลนด์โดยเฉลี่ยมีอายุประมาณ 50 ปี ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว บริษัทสังเกตเห็นว่า L’Oreal ไม่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าที่อายุน้อยได้และล้มเหลวในการทำเช่นนั้นโดยการแบ่งฐานลูกค้าออกเป็นกลุ่มอายุ

        เพื่อแก้ไขปัญหานี้ L’Oreal ได้ร่วมมือกับ Google และ McCann พวกเขาต้องการเรียนรู้วิธีสร้างเกณฑ์การแบ่งกลุ่มที่แม่นยำยิ่งขึ้น แบรนด์ดังกล่าวแบ่งกลุ่ม Gen-Z และ Millennials ออกเป็นไม่เพียงแค่ช่วงอายุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนที่มุ่งเน้นพฤติกรรมด้วย

        พวกเขาสร้างรูปแบบโฆษณา 12 รูปแบบโดยใช้กลุ่มเป้าหมายของ Google แต่ละรายการมีไว้สำหรับกลุ่มผู้ซื้อที่มีศักยภาพต่างกัน หนึ่งในโฆษณาวิดีโอที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อกำหนดเป้าหมายผู้รักเสียงเพลงวัยหนุ่มสาว นำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย และสโลแกน “99 ปัญหา และผิวของคุณเป็นหนึ่งเดียว” โฆษณาอ้างอิงถึงหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ฮิปฮอปที่ชาวมิลเลนเนียลคุ้นเคย

        สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

        เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

        Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

          Yearly Budget

          How do you know us?

          B2B Marketing Automation และแพลตฟอร์มไหนดีที่สุด

          b2b marketing automation

          ระบบการตลาดอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจของคุณเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในขณะเดียวกันก็ทำให้เพิ่ม Lead ได้มากขึ้น ภายในหมวดหมู่ของเครื่องมืออัตโนมัติทางการตลาดคือเครื่องมือ หรือ Marketing Automation ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เหมาะสำหรับนักการตลาดแบบ B2B (Business-To-Business)

          Business-to-Business Marketing Automation

          ระบบการตลาดอัตโนมัติสำหรับ B2B ช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงรูปแบบการทำการตลาดและผ่าน Work flow และ Trigger ระบบการตลาดอัตโนมัติแบบ B2B มีไว้เพื่อช่วยให้ทีมของคุณทำงานอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพและเพิ่ม Lead ให้กับธุรกิจคุณ

          ตัวอย่าง Business-to-Business Marketing Automation

          ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนเกี่ยวกับวิธีที่คุณอาจใช้การตลาดอัตโนมัติแบบ B2B ในธุรกิจของคุณ

          1. Trigger Workflow จะทำการติดตามหลังจากที่ลีดไปที่หน้าเว็บ (เช่น หน้าผลิตภัณฑ์ หน้าราคา)สร้าง Journey ของลูกค้าเพื่อแปลงเป็นลีดใหม่ของคุณ
          2. ให้ความรู้ในการสร้าง Flow เพื่อให้กับลูกค้าใหม่ของคุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น  เช่น วิดีโอ บทความและตัวอย่างการใช้งาน
          3. ดูแลลีดด้วยเนื้อหาที่แสดงว่าคุณเป็นผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรม และยังปรับให้เหมาะกับความต้องการและเป้าหมาย
          4. ส่งรหัสส่วนลดให้กับลูกค้าหลังจากที่พวกเขาแนะนำลูกค้าใหม่สำเร็จหรือทำการซื้อตามจำนวนที่กำหนด
          5. ตั้งค่าแคมเปญอีเมลที่มีการเลี้ยงดูลีด เพื่อให้คุณเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าแคมเปญใดทำงานได้ดีที่สุด
          6. ทริกเกอร์การแจ้งเตือนไปยังสมาชิกในทีมภายในเมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าดำเนินการบางอย่าง
          7. กรอกข้อมูลในช่องข้อมูลโดยอัตโนมัติและอัปเดตข้อมูลปัจจุบันเพื่อหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง

          B2B marketing automation platforms

          Connect X

          Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

          connectx automation

          Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

          ปัจจุบันนี้แพลตฟอร์ม CDP มักมาพร้อมกับระบบ CRM ในตัว ทำให้นักการตลาดไม่ต้องสับสนกับการ Integrate หลายๆ ระบบเข้าด้วยกัน สามารถทำ Marketing ได้จากระบบเดียวอย่างสะดวก ซึ่ง ConnectX เป็นหนึ่ง Marketing Platform ที่มีระบบ Customer Relationship Management ในตัวพร้อมกับฟีเจอร์ทันสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ Create Lead จากช่องทางต่างๆ, Sales Path ที่ทำให้พนักงานจัดการกับ Status ลูกค้าได้ง่ายขึ้น สามารถรองรับ Loyalty Program ได้ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมไปถึงการทำ Real-Time Marketing Automation อีกด้วย

          Zoho

          Zoho Marketing Automation คือซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติทางการตลาดแบบครบวงจรที่ช่วยคุณจัดการกิจกรรมทางการตลาดในช่องทางต่างๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จ สร้างลีดให้มากขึ้น เปลี่ยนให้ลีดเป็นลูกค้า และคงลูกค้าให้ยาวนานกว่าเดิม

          HubSpot

          HubSpot  เป็นซอฟแวร์ที่ใช้ในระดับองค์กร หรือธุรกิจที่ต้องการทำ Automation และ ช่วยในการวัดผลทางการตลาดของ Website, Blog และยังสามารถใช้สื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทาง E-mail และ Social Media ได้

          เริ่มใช้ Business-to-Business Marketing Automation

          ระบบการตลาดอัตโนมัติแบบ B2B สามารถช่วยประหยัดเวลาของทีมการตลาดแบบ B2B เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยให้พวกเขาเข้าถึงและโดนใจลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากขึ้น ค้นหาเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับทีมของคุณและเริ่มใช้ระบบอัตโนมัติทางการตลาด B2B

          สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

          เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

          Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

            Yearly Budget

            How do you know us?

            5 ข้อดีของ Marketing Automation

            marketing automation benefits

            ระบบอัตโนมัติทางการตลาด (Marketing Automation) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถปฏิวัติวิธีการทำธุรกิจของคุณ การทำงานซ้ำๆ โดยอัตโนมัติและปรับปรุงคุณภาพของการทำการตลาด จะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลกำไรในที่สุด ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนทำความรู้จัก 5 ประโยชน์ของ Marketing Automation benefits ซึ่งช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้

            Top 5 advantages of Marketing Automation

            1. เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด (Efficiency)

            สิ่งแรกและสำคัญที่สุด ระบบอัตโนมัติทางการตลาดทำให้ทีมการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานได้ในขณะที่เพิ่มเวลาให้ทีมของคุณแทนที่จะโพสต์ด้วยตนเองบนโซเชียลมีเดียทุกวัน ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติสามารถทำให้กระบวนการนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ

            ซึ่งหมายความว่าทีมของคุณสามารถทำงานสร้างสรรค์ได้มากขึ้น เช่น การวางแผนและการระดมสมองสำหรับแคมเปญและโครงการที่กำลังจะมาถึง

            นอกจากนี้ การทำงานในแพลตฟอร์มการทำงานอัตโนมัติจะทำให้งานของทีมของคุณง่ายขึ้น พนักงานของคุณสามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดีย สร้างแคมเปญดูแลอีเมล โพสต์บล็อก หรือสร้างแลนดิ้งเพจได้ในซอฟต์แวร์เดียวกัน ในท้ายที่สุด สิ่งนี้จะช่วยทีมของคุณประหยัดเวลาเมื่อคุณสร้างแคมเปญ

            2. การจัดตำแหน่งการตลาดและการขาย (Marketing and sales alignment)

            หากคุณรวม Marketing effort และการตลาดอัตโนมัติโดยใช้ซอฟต์แวร์เดียวกัน คุณจะสามารถปรับเป้าหมายและความพยายามของบริษัทให้สอดคล้องกันได้

            โดยพื้นฐานแล้วมันจะทำให้กระบวนการเปลี่ยนจาก Normal Lead ทางการตลาดไปสู่ Quality Lead ที่มีคุณสมบัติในการขายนั้นง่ายขึ้นมาก

            ในความเป็นจริง ระบบอัตโนมัติทางการตลาดสามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตการขาย 14.5% และลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด 12.2%

            นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายและเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย ทีมการตลาดของคุณจะใช้เวลามากขึ้นในการวางแผนหาวิธีเพิ่มอัตรา Conversion ในขณะที่ทีมขายของคุณจะเพิ่มผลผลิต มันเป็น win-win

            3. เพิ่มอัตราการแปลง (Increase conversion rate)

            เมื่อพูดถึงการเพิ่มของ Conversion ระบบ Marketing Automation ยังสามารถทำให้ทีมของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติสามารถช่วยคุณเพิ่มอัตราของ Conversion และเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

            ซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติด้านการตลาดของคุณจะติดตาม Lead ของคุณและคุณสามารถใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้งที่ไม่ได้ทำ Conversion ซึ่งเป็นการเพิ่ม CRO ของคุณและเพื่อ Marketing Automation benefits ควรให้เวลาทีมของคุณมากขึ้นในการวิเคราะห์กลยุทธ์ทางการตลาดของคุณ

            4. การรายงานที่ถูกต้อง ( Accurate report)

            การรายงานการวิเคราะห์ของคุณอาจดูเหมือนเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่ด้วยแพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติทางการตลาด ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นคุณควรจะสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของคุณเพื่อสร้างรายงานอัตโนมัติได้ ทันใดนั้นงานที่ยุ่งยากก็ง่ายขึ้น ด้วยการรายงานที่แม่นยำและ real time คุณสามารถดูได้ว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ใด

            5. กลยุทธ์การตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized marketing strategy)

            เนื่องจากทีมของคุณใช้เวลามากขึ้นในการสร้างแทนที่จะป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติทางการตลาดจะช่วยให้พวกเขาสร้างเนื้อหาที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นผ่านความสามารถในการแบ่งส่วนและการรายงาน

            ด้วยระบบอัตโนมัติทางการตลาด คุณสามารถกำหนดเป้าหมายของคุณได้ในหลายช่องทาง คุณสามารถกำหนดเป้าหมายบนโซเชียลมีเดีย ด้วยโฆษณาบนการค้นหา หรือผ่านแคมเปญอีเมล

            ระบบการตลาดอัตโนมัติช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างไร?

            ระบบอัตโนมัติทางการตลาด (Marketing Automation benefits)จะเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณให้กลายเป็น ​Lead และเมื่อคุณรู้ว่าใครคือ Lead ของคุณ คุณสามารถแบ่งกลุ่มพวกเขาตามพฤติกรรมหรือลักษณะเฉพาะได้

            กระบวนการดูแลลูกค้าเป้าหมายทั้งหมดควรเป็นแบบ Personalization – มีคนอ่านโพสต์หรือไม่ วิธีนี้จะทำให้  Lead ของคุณได้รับ Personalized Marketing Message และคุณสามารถติดตามการมีส่วนร่วมของพวกเขาได้ และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้ต่อในอนาคต

            สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

            เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

            Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

              Yearly Budget

              How do you know us?

              Marketing Automation คืออะไร? พร้อมเทคนิคช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง

              what is marketing automation

              “การตลาด” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมากสำหรับทุกธุรกิจ ยิ่งในยุคที่กระแสเกี่ยวกับ Digital Disruption กำลังมาแรง การปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในยุคนี้ คือการเลือกเครื่องมือการตลาดให้เหมาะสม วันนี้ Connect X จึงอยากแนะนำ Marketing Automation คือ เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติสำหรับผู้ประกอบการที่อยากสร้างธุรกิจให้ทันโลก เพื่อพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดโดยไม่มีวันหยุดทำงาน

              รู้จักลูกค้าในยุค 2023

              ก่อนจะเริ่มเรื่อง Marketing Automation ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรทราบก่อนว่าทำไมถึงควรใช้ Marketing Automation กับธุรกิจของตัวเอง และทำไม Marketing Automation ถึงสำคัญ ซึ่งตามผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่าปัจจุบันคนไทยใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์นานประมาณ 11 ชั่วโมงต่อวัน เมื่อเทียบกับผลสำรวจครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 พบว่าภายในระยะเวลา 8 ปี คนไทยใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 7 ชั่วโมงต่อวันในปีพ.ศ. 2564

              สำหรับผู้ประกอบการแล้ว ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 การทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลอดภัยจากโรคระบาดได้อีกด้วย

              ปัจจุบันกระแส Digital Disruption ได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เมื่อมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สะดวกกว่าเข้ามาแทนที่ ผู้บริโภคย่อมเลือกใช้สิ่งนั้นมากกว่า หากธุรกิจไหนปรับตัวตามไม่ทัน ก็อาจจะโดนกลืนหายไปในกระแสความเปลี่ยนแปลงได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรปรับปรุงธุรกิจให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยรับมือกับลูกค้าในยุค 2023 ได้คือ Marketing Automation เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

              Marketing Automation ช่วยธุรกิจได้อย่างไร?

              หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management กันมาบ้าง โดย Marketing Automation เป็นเครื่องมือการตลาดที่คล้ายคลึงกับระบบ CRM แต่ความพิเศษของ Marketing Automation คือความสามารถในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าแล้วตอบโต้กลับได้แบบเรียลไทม์ โดยเนื้อหาที่ส่งไปยังลูกค้าจะเป็นสิ่งที่ลูกค้ากำลังสนใจเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ เช่น ข้อมูลโปรโมชัน คอนเทนต์ หรือแคมเปญต่างๆ โดยจะส่งผ่านทาง E-mail อัตโนมัติหรือช่องทางอื่นๆ อย่าง SMS เป็นต้น

              การทำการตลาดแบบนี้มีประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้เร็วและตรงจุดเท่าไร ก็จะเพิ่มโอกาสทางการขายมากขึ้นเท่านั้น  ข้อมูลจากเว็บไซต์ Findstack พบว่า 63% ของผู้ประกอบการที่ใช้งาน Marketing Automation ทำยอดขายได้ดีกว่าคู่แข่ง ดังนั้นหากอยากเอาชนะคู่แข่งและสร้างจุดยืนให้ธุรกิจอย่างมั่นคง การใช้ Marketing Automation คือคำตอบของธุรกิจคุณ

              E-commerce web design concept with people characters. Customers shopping online scene. E-commerce distribution composition in flat style. Vector illustration for social media promotional materials.

              ธุรกิจแบบไหนควรทำ Marketing Automation มากที่สุด?

              เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าธุรกิจของตัวเองควรทำ Marketing Automation ไหม? ความจริงแล้วทุกธุรกิจสามารถทำ Marketing Automation ได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่ควรทำมากที่สุดคือธุรกิจแบบ B2C (Business-to-Customer) ที่มีเป้าหมายเป็นผู้บริโภคทั่วไป หรือที่รู้จักกันในรูปแบบของธุรกิจ E-Commerce รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการอย่างร้านอาหาร, โรงแรม และสายการบินด้วย

              เหตุผลที่ธุรกิจแบบ B2C ควรทำ Marketing Automation เพราะว่าธุรกิจประเภทนี้จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ Royalty ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ หากไม่มีระบบตอบรับอัตโนมัติคอยตอบสนอง ก็อาจจะพลาดโอกาสสำคัญ ดังนั้นธุรกิจแบบ B2C จึงควรมีระบบ Marketing Automation ไว้คอยสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าและทำการตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสม

              สร้างธุรกิจที่ไม่มีวันหลับด้วย Marketing Automation อย่างมีประสิทธิภาพต้องทำยังไง?

              ผู้ประกอบการสามารถเริ่มทำ Marketing Automation ได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่เพราะการทำ Marketing Automation ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ความเข้าใจสูง นอกจากนี้หากผู้ประกอบการไม่มีการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าอย่างเป็นระบบ ก็จะไม่สามารถใช้งาน Marketing Automation ได้ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ผสานกระบวนการเก็บข้อมูลเข้ากับ Marketing Automation ได้อย่างลงตัวเท่านั้น ถึงจะช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

              ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Connect X ที่มีระบบ CDP (Customer Data Platform) คอยเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า อีกทั้งยังมีระบบ AI คอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกแรง จึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้ Marketing Automation ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

              จากข้อมูลทั้งหมดนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า Marketing Automation มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจในเวลานี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจประเภท B2C ที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นการเริ่มทำ Marketing Automation นับตั้งแต่ตอนนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวนำหน้าคู่แข่งไปมากกว่าหนึ่งก้าว และสร้างธุรกิจที่ไม่มีวันหลับใหลให้เกิดขึ้นได้จริง

              สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

              เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

              Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                Yearly Budget

                How do you know us?

                อยากทำ Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จ ต้องระวัง 5 สิ่งนี้

                หนึ่งในวิธีการที่มีความน่าสนใจแต่นักการตลาดรุ่นใหม่หลายคนมักมองข้ามคือการทำ Email Marketing หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “การตลาดผ่านอีเมล” เพราะอย่าลืมว่าอีเมลเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีอยู่ในแทบทุกองค์กรด้วยความที่เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการสื่อสารทางธุรกิจ ต้องบอกว่าการตลาดผ่านอีเมลนี้ไม่เพียงแค่ช่วยในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มจำนวน Traffic บนเว็บไซต์ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ แถมยังเป็น Organic Traffic แบบที่ไม่ต้องเสียเงินโปรโมตแคมเปญใดๆ แม้แต่สตางค์เดียว

                ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน เป็นการเปลี่ยนผ่านจากโลกการค้าขายแบบ Analog ไปสู่ยุค Digital Transformation โดยสมบูรณ์ ทำให้รูปแบบของการทำการตลาดของนักการตลาดและแบรนด์ต่างๆ ได้เปลี่ยนโฉมตามไปด้วยเช่นกัน และหนึ่งในแนวโน้มสำคัญที่เกิดขึ้นคือการที่กลุ่มธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมต่างใช้เทคโนโลยีอย่าง Marketing Automation และระบบ CRM กันมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การจัดเก็บข้อมูลและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมไปถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงจากการทำการตลาดแบบเดิมๆ แต่ต้องสามารถนำเสนอความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

                อย่างไรก็ตาม หากแบรนด์หรือนักการตลาดไม่ระวังข้อผิดพลาดเกี่ยวกับ EDM ผลลัพธ์ที่ควรจะดีอาจจะกลายเป็นเรื่องร้ายๆ ที่สายเกินแก้ไข ดังนั้นในวันนี้ Connect X จะพาทุกคนมารู้จัก 5 ข้อควรระวังเกี่ยวกับ EDM (Electronic Direct Mail Marketing) กัน เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์การตลาดของแบรนด์จะประสบความสำเร็จตลอดปี 2023 ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

                1. เนื้อหาไม่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

                นักการตลาดหลายคนที่เริ่มต้นทำ Email Marketing มักจะพุ่งเป้าไปที่การสื่อสาร แต่กลับละเลยเรื่องเล็กๆ ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เป็นคนรับสาร เพราะต่อให้หัวข้อของอีเมลดูน่าสนใจและสร้างแรงดึงดูดได้มากแค่ไหน แต่ถ้าสาระสำคัญของเนื้อหาไม่สามารถให้คุณค่าหรือประโยชน์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้จริง ก็ไม่ต่างอะไรกับอีเมลสแปมที่ใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที ก็กลายเป็นอีเมลที่อยู่ในถังขยะของลูกค้าไปแล้ว

                โดยประเภทของการส่งอีเมลสามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ

                • Information Email – เป็นการให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ที่ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจจะเกิดจากการกดรับสมัครติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทางเว็บไซต์
                • Transactional Email – ส่วนมากจะเป็นอีเมลอัตโนมัติที่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินซื้อสินค้าหรือบริการ
                • Navigation Email – เป็นอีเมลที่มีหน้าที่ในการนำทางกลุ่มเป้าหมายไปยังเว็บไซต์ เช่น อาจมีการเปิดเว็บไซต์ใหม่ อัปเดตฟีเจอร์สำคัญๆ หรือมีการให้บริการอะไรใหม่ๆ

                เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการทำ Email Marketing นั่นเอง

                2. ต้องทดสอบด้วยวิธี A/B Testing ก่อนเสมอ

                ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์วิธีใดก็ตาม การทำ A/B Testing ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเป็นการทดสอบเพื่อจับจุดว่าเนื้อหา ข้อความ รูปภาพ และ CTA แบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายสนใจมากกว่ากัน ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็จะสามารถปรับปรุงแก้ไขการทำ Email Marketing ต่อไปในอนาคตให้มีความน่าสนใจมากขึ้นได้

                3. กลยุทธ์ต้องพร้อมก่อนส่งอีเมล

                ใครที่คิดว่าการส่งอีเมลไม่เห็นจำเป็นต้องมีการวางแผนหรือคำนึงถึงกลยุทธ์การส่งอีเมล บอกได้เลยว่าความคิดดังกล่าวอาจเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาทำร้ายธุรกิจของคุณได้ในทันที ยกตัวอย่างเช่น หากแบรนด์ส่งอีเมลไปยังผู้ที่ไม่ต้องการที่จะได้รับอีเมลของเรา พูดง่ายๆ ก็คือ อยู่ดีๆ ก็มีอีเมลที่ไหนไม่รู้ส่งเข้ามาขายของ เชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อยก็กดลบอีเมลนั้นทิ้งเผลอๆ อาจกดปุ่ม Report เป็นของแถมด้วย ทำให้แบรนด์ต้องเสียเครดิตไป ดังนั้นหากแบรนด์มีเว็บไซต์ อาจตั้งค่าให้มีการกดรับสมัครหรือยินยอมในการรับอีเมลก่อนเสมอ เพื่อเป็นการล็อกกลุ่มเป้าหมาย แถมยังสามารถเก็บข้อมูลในส่วนนี้ นำมาแบ่งรายชื่อออกมาจัดกลุ่ม ใช้ระบบ Marketing Automation ช่วยในการติดตามผล ส่งอีเมลต่อในอนาคต

                4. ให้ความสำคัญกับ Mobile First

                อย่างที่รู้กันดีว่าเทรนด์ Mobile First กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการแสดงผลในทุกกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่การทำ Email Marketing ที่ต้องคำนึงถึงการแสดงผลอีเมลบนมือถือให้มีประสิทธิภาพที่ดีไม่ต่างกับบนเดสก์ท็อปและแท็บเล็ต แม้อาจจะดูเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่หากอีเมลมีการแสดงผลที่ไม่ดี หรือกลุ่มเป้าหมายไม่สามารถเข้าถึงหรือมองเห็นได้อย่างชัดเจน ก็อาจกลายเป็นการทิ้งโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของแบรนด์ต่อๆ ไปในอนาคต

                5. ไม่ใส่ Alt ในภาพ

                ในกรณีที่อีเมลของแบรนด์ที่มีเนื้อหาหลักเป็นภาพ อาจเกิดปัญหากับกลุ่มเป้าหมายบางคนที่มีการตั้งค่าปิดกั้นการมองเห็นรูปภาพ นั่นหมายความว่าในอีเมลนั้นจะไม่สามารถปรากฏเนื้อหาใดๆ ก็ตามบนหน้าจอ ฉะนั้นอีกหนึ่งเคล็ดลับคือการเพิ่ม Alt ให้กับรูปภาพทุกครั้งในการทำ Email Marketing

                จบไปแล้วกับ 5 ข้อ ควรระวังเกี่ยวกับ EDM ที่ Connect X ได้นำมาฝากกัน ถ้าไม่อยากถูกคู่แข่งทิ้งห่างก็ถึงเวลาแล้วที่แบรนด์จะลองนำเทคนิคนี้ผสานเข้าไปในแผนการตลาดออนไลน์  เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด รับรองได้เลยว่า 5 ข้อด้านบนนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

                [/col] [/row]

                6. บริการให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลัง

                สำหรับวิธีเลือกระบบ CRM ข้อนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวแพลตฟอร์มโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยธุรกิจได้ โดยควรมี “ศูนย์บริการลูกค้า” ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำหรือการตอบคำถามของธุรกิจ มีการคลาสฝึกสอน (Training) ก่อนเริ่มต้นใช้งานระบบ รวมถึงเมื่อใช้งานระบบไปแล้ว แต่เกิดมีปัญหา ผู้ให้บริการก็ควรที่จะให้คำปรึกษาได้ สามารถติดต่อได้สะดวก และมีทางแก้ไขที่ชัดเจน ไม่ทิ้งกันไปกลางคัน

                เมื่อได้อ่านทั้ง 5 ข้อนี้ไปแล้ว ทุกท่านคงจะตระหนักดีว่าการเลือกระบบ CRM นั้นอาจจะต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาก่อนตัดสินใจ ซึ่งถ้าใครเลือกได้แล้วว่าต้องการใช้ Customer Relationship Management ตัวไหน ก็สามารถวางแผนในการเริ่มซื้อและใช้งานได้เลย ซึ่ง Connect X ขอแนะนำให้กำหนดวันที่ติดตั้งชัดเจนและเชื่อมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อนใช้งานจริง ให้ทีมงานได้ทำความคุ้นเคยกับตัวระบบและเตรียมความพร้อมข้อมูลเพื่อที่จะติดตั้งระบบใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

                สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

                เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

                Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                  Yearly Budget

                  How do you know us?

                  ระวัง 3 สิ่งนี้! ก่อน Marketing Automation จะทำร้ายลูกค้า

                  การตลาดออนไลน์ในยุคนี้สามารถทำได้ง่ายมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากมีแพลตฟอร์มและเครื่องมือมากมายที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกกับธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือการใช้ Marketing Automation ที่สามารถทำการตลาดได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Lead Scoring จัดกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ส่งโปรโมชันและประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการบริการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า ฯลฯ ทั้งหมดล้วนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด

                  แม้จะมีข้อดีและประโยชน์มากขนาดนี้ แต่หากใช้งาน Marketing Automation อย่างไม่ระมัดระวังก็อาจจะเป็นการทำร้ายลูกค้าแทน ทั้งด้านความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้จากแบรนด์ สงสัยแล้วใช่ไหมว่า ข้อควรระวังของ Marketing Automation มีอะไรบ้าง? ตาม Connect X มาดูคำตอบกัน! ซึ่งอย่างแรก มาดูข้อดีของ Marketing Automation กันเลย

                  ข้อดีที่ทำให้ใครๆ ต่างใช้ Marketing Automation

                  Marketing Automation หรือ “ระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ” ก็คือแพลตฟอร์มหรือซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งฟังก์ชันและฟีเจอร์นับไม่ถ้วน แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการตลาดด้านต่างๆ อาทิ

                  • การเข้าถึง Potential Customer
                  • การเก็บข้อมูลของลูกค้าและสร้างฐานข้อมูลให้กับธุรกิจ
                  • ช่วยบริหารความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ซึ่งมักมาพร้อมกับระบบ CRM
                  • สร้างและส่งแคมเปญการตลาด เช่น Email Marketing, SMS, Web Push Notification รวมไปถึงการโฆษณาบนสื่อ Social Media ยอดฮิตต่างๆ
                  • ช่วย Save Cost ทั้งด้านเงินลงทุนและเวลาในการสร้างแคมเปญการตลาดให้ประสบความสำเร็จ

                  นอกจากนี้ระบบ AI ที่ทำงานแบบอัตโนมัติยังช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนอย่างการสร้าง Report การ Tracking ไปจนถึงการตอบกลับแชทข้อความของลูกค้า จึงสามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human Error) ได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วใช่ไหมว่าระบบ Marketing Automation นั้นเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากแค่ไหน โดยเฉพาะธุรกิจใหม่หรือ SME ที่มีงบประมาณไม่มาก ก็สามารถใช้ระบบการตลาดแบบอัตโนมัตินี้อัปเกรดตัวเองได้ให้แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดได้

                  คราวนี้มาศึกษาข้อควรระวังต่างๆ กันเลย

                  3 ข้อควรระวังของ Marketing Automation

                  ก่อนที่ระบบ Marketing Automation จะช่วยแบรนด์ได้ดีอย่างที่กล่าวไปข้างต้น แต่ในหลายๆ กรณีก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นจากการใช้งาน ทำให้แบรนด์ต้องปวดหัวกับการหาโซลูชัน

                  ยกตัวอย่างเช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติไม่สามารถตอบคำถามของลูกค้าได้จริงๆ ทำให้แอดมินต้องมาตอบเอง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน หรือการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่กลับไม่มี Lead กลับเข้ามา เพราะแคมเปญนั้นๆ ไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และปัญหาร้อยแปดที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายแล้วหลายๆ แบรนด์ไล่ตามการทำ Marketing Automation เพื่อหวังทำกำไร แต่กลับกลายเป็นว่าได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ซึ่งมี 3 ข้อควรระวังในการใช้งานระบบการตลาดแบบอัตโนมัติดังนี้

                  1. ไม่ทำความเข้าใจผู้บริโภคก่อนเริ่มทำแคมเปญ

                  ความสะดวกสบายในการทำงาน คือ สิ่งที่ธุรกิจส่วนมากต้องการจาก Marketing Automation เพื่อลดภาระของตัวผู้ประกอบการที่ต้องดูแลในส่วนอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ตัว Marketing Automation นั้นเป็นเพียงแค่ “ระบบ” เท่านั้น จึงไม่ได้เข้าใจว่าผู้บริโภคตอนนั้นอยากได้อะไร เช่น เวลามีปัญหาร้ายแรงหรือเร่งด่วน ลูกค้าก็อยากคุยกับคนที่เข้าใจถึงปัญหามากกว่า ดังนั้นการจะทำ Marketing Automation ให้มีประสิทธิภาพ คือการทำความเข้าใจ Customer Journey ของลูกค้าเสียก่อน เพื่อที่จะออกแบบการใช้งาน Marketing Automation ให้ถูกต้องและแม่นยำ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้นั่นเอง

                  2. แบรนด์พึ่งพาระบบ Marketing Automation มากเกินไป

                  การปล่อยให้ระบบ Marketing Automation ดูแลลูกค้าของเราหรือทำการตลาดแทนคนมากเกินไป มักเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้หลายๆ แบรนด์เคยสะดุดมาแล้ว เพราะแทนที่จะช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายขึ้นกลับทำให้ลำบากแทน เช่น มีการส่งโปรโมชันที่ลูกค้าคนนั้นๆ ไม่ได้สนใจ ระบบ AI ตอบแชทที่เป็นคำถามซับซ้อนไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งต้องขอบอกว่า Marketing Automation ในปัจจุบันยังไม่มีความฉลาดหรือมีสัญชาตญาณที่เข้าใจมนุษย์ขึ้นมา ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เหมือนกับมนุษย์เรา ดังนั้นก่อนที่จะนำระบบนี้เข้ามาช่วยในการทำการตลาด แบรนด์ต้องมีการวางแผนในจุดต่างๆ ให้รอบคอบก่อน พร้อมทดสอบการใช้งานก่อนนำไปใช้จริง

                  3. ข้อมูล (Data) ที่มียังน้อยไป

                  เข้าใจว่าเจ้าของแบรนด์ต่างต้องการให้ Marketing Automation ทำงานที่ซ้ำซ้อนแทน เช่น การยิงโฆษณาหรือแคมเปญการตลาด แต่บ่อยครั้งที่ธุรกิจมี “ข้อมูล” น้อยเกินไป ส่งผลให้กิจกรรมทางตลาดไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงดูดลูกค้า ระบบเรียนรู้ได้อย่างจำกัดและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าไม่ได้ ทำให้เจ้าของแบรนด์มักเข้าใจผิดว่าระบบหรือแพลตฟอร์มที่ใช้นั้นไม่มีคุณภาพ ซึ่งแบรนด์และนักการตลาดต้องกลับมาย้อนดูว่า Data ของตัวเองนั้นมีใช้อย่างเพียงพอหรือไม่ Data ดังกล่าวนั้นถูกหรือไม่ เตรียมป้อน Data ทุกอย่างให้ระบบหรือยัง เพื่อทำให้ระบบสามารถต่อยอดและแสดงประสิทธิภาพให้ได้อย่างเต็มที่

                  ทั้ง 3 ข้อควรระวังของ Marketing Automation นี้เป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์และนักการตลาดต้องทบทวนเสมอ ก่อนที่จะจำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานกับธุรกิจ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าแบรนด์จะสามารถสร้างแคมเปญการตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กระตุ้นการขาย และเพิ่มกำไรให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างปัจจุบันได้

                  แล้วผู้ให้บริการระบบ Marketing Automation เก่งๆ มีใครบ้าง? ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะ Connect X นั้นเป็น Marketing Platform ที่มาพร้อมกับ CDP (Customer Data Platform) ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศาและระบบ Marketing Automation ที่มี AI แสนฉลาด สามารถเรียนรู้และรู้ใจลูกค้าได้ง่ายๆ ประกอบกับเครื่องมือสื่อสารการตลาดแบบ Real-Time ช่วยเพิ่มยอดขายกับธุรกิจอย่างรวดเร็วทันใจ หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!

                  [/col] [/row]

                  สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่กำลังมองหาระบบ CRM ดีๆ สักอัน หรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ Connect X ก็พร้อมจะช่วย ด้วยแพลตฟอร์ม CDP ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, Marketing Automation และรองรับกฎหมาย PDPA เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

                  เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Marketing Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation

                  Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Marketing Platform ที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                  ตอบ 3 คำถามยอดฮิต Marketing Automation ที่เจ้าของธุรกิจสงสัย!

                  Marketing Automation เป็นเครื่องมือที่ช่วยทุ่นแรงธุรกิจได้ดี แต่เจ้าของแบรนด์ต่างก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือนี้อยู่ วันนี้ Connect X จะมาตอบคำถามให้เอง

                  การทำการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสานสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม เก็บข้อมูลเชิงลึกของผู้ที่สนใจสินค้า ค้นหา Lead และส่งแคมเปญหรือโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เพื่อกระตุ้นการขาย

                  สำหรับนักการตลาดสายดิจิทัลและเจ้าของธุรกิจคงพอทราบเกี่ยวกับ Marketing Automation กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับมือใหม่หรือคนกำลังสร้างแบรนด์ธุรกิจของตัวเอง อาจจะมีคำถามเกี่ยวกับ “การตลาดอัตโนมัติ” อยู่ไม่น้อย

                  Connect X จะมาตอบข้อสงสัยยอดฮิตต่างๆ ที่เจ้าของธุรกิจมักสงสัยกัน แต่ก่อนอื่นมาดูกันว่า จริงๆ แล้ว MA คืออะไรกันแน่?

                  รู้จักกับ Marketing Automation

                  MA หรือ การตลาดอัตโนมัติ หมายถึงเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำกิจกรรมทางการตลาดได้หลากหลาย ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งแรงงาน เวลา และงบประมาณที่แบรนด์ต้องลงทุน

                  การตลาดอัตโนมัติสามารถเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และสร้างแคมเปญที่เฉพาะบุคคลได้ตรงจุด (Personalized Marketing) แล้วที่สำคัญยังสามารถตอบสนองได้ทันที (Real-Time) ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่ม Conversion และเพิ่มยอดขายในกับแบรนด์นั่นเอง

                  เชื่อว่าเจ้าของแบรนด์อาจจะรู้สึกคุ้นขึ้นมากันบ้าง โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการตลาดอัตโนมัติผ่านอีเมล (Email Marketing) ที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ระบบ MA นั้นสามารถส่งผ่านแคมเปญไปได้อีกหลายช่องทาง อาทิ SMS, Facebook, Instagram, Google Ads หรือแม้กระทั่ง Web Push Notification ที่สื่อสารด้วยข้อความและแจ้งเตือนแบบเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มลูกค้า (Customer segmentation) นั้นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน จึงช่วยลดภาระการทำงานที่ซ้ำซ้อนได้ แถมยังเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากใน Touch Point ต่างๆ ได้พร้อมกัน เพิ่ม Conversion ยอดขาย และช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                  เมื่อทราบกันแล้วว่าระบบ MA สามารถใช้ประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรได้บ้าง มาดูคำถามและคำตอบที่หลายคนมีเกี่ยวกับเครื่องมือการตลาดออนไลน์กันเลย

                  1. รู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจเหมาะที่จะใช้ Marketing Automation หรือไม่?

                  อย่างที่ได้กล่าวไป MA นั้นสามารถให้ประโยชน์แก่ธุรกิจได้หลากหลาย ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้า และต้องการประหยัดงบประมาณกับเวลาให้มากขึ้น หากจะพูดว่า  MA เหมาะกับธุรกิจแทบทุกรูปแบบก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวธุรกิจหรือแบรนด์ ว่าจะนำไปปรับใช้อย่างไรนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำการตลาดอัตโนมัติได้ ธุรกิจควรมีลูกค้าเข้ามาติดต่อกับธุรกิจและต้องสามารถเก็บข้อมูล Lead มาได้ก่อน จึงจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้กับระบบ MA ได้

                  ตัวอย่างเช่น การใช้ MA เพื่อเก็บข้อมูลอีเมลของลูกค้า จัดเรียงและวิเคราะห์ผู้ที่เป็น “Potential Customer” จากนั้นให้ทำการส่งแคมเปญ โปรโมชัน หรือข้อเสนอต่างๆ แบบ Personalized Email ให้แต่ละบุคคล เป็นต้น

                  2. Marketing Automation สามารถสนับสนุนการตลาดใน Stage ใด?

                  เมื่อทราบแล้วว่าธุรกิจนั้นเหมาะกับ MA มากน้อยแค่ไหน คำถามต่อมาคือ จะใช้เครื่องมือนี้ยังไง ในขั้น (Stage) ไหนของการตลาด? ซึ่งโดยปกติแล้วการทำการตลาดออนไลน์นั้นประกอบไปด้วย 3 Stage หลักๆ ได้แก่

                  • Top of Funnel (TOFU) – ที่มุ่งเน้นการสร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักและให้ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์
                  • Middle of Funnel (MOFU) – เป็น Stage ที่สำคัญมากๆ ซึ่งก็คือการเปลี่ยน Leads เป็น Potential Customer ธุรกิจต้องเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำมาทำการตลาดเพื่อปิดการขายต่อไป
                  • Bottom of Funnel (BOFU) – คือลำดับขั้นสุดท้ายสำหรับปิดการขาย ซึ่งแบรนด์ต้องช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าด้วยการมอบโปรโมชันต่างๆ หรือข้อเสนอทดลองใช้ฟรี และอื่นๆ

                  ต้องบอกเลยว่า MA นั้นสามารถช่วยได้ทั้ง 3 Stage เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ ส่งต่อโปรโมชันช่วยลูกค้าตัดสินใจ หรือแม้แต่ช่วยปิดการขาย แต่แบรนด์ต้องตอบคำถามที่ว่า ธุรกิจกำลังอยู่ใน Stage ไหนและมีเป้าหมายอะไร? ตัวอย่างเช่น ถ้าแบรนด์ต้องการสร้าง Awareness ให้มากขึ้น นั่นหมายความว่าธุรกิจควรนำเอาระบบ MA มาช่วยในขั้นตอน Top of Funnel นั่นเอง

                  3. ระบบ Marketing Automation เหมาะที่จะใช้กับการตลาดในด้านไหน?

                  การทำ Digital Marketing นั้น แต่ละแบรนด์ แต่ละแคมเปญ ล้วนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งระบบการตลาดอัตโนมัตินั้นสามารถช่วยสนับสนุนได้หลากหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น

                  • สร้าง Awareness เพิ่มจำนวนคนที่รู้จักแบรนด์ให้มากขึ้น โดยอาศัย MA ในการจัดระเบียบการส่งโปรโมชันไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีความสนใจต่างกัน บนเว็บไซต์ ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ในคราวเดียวกัน
                  • เพิ่ม Engagement โดยการใช้ระบบวิเคราะห์ความชอบ ความสนใจของลูกค้า จากพฤติกรรมและ Customer Journey เพื่อนำไปปรับใช้ สร้างแคมเปญหรือคอนเทนต์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้นนั่นเอง

                  เพิ่ม Conversion Rate ผ่านระบบ Lead Scoring ให้คะแนนลูกค้าที่มีโอกาสที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจมากที่สุด และสร้างแคมเปญการตลาดแบบ Personalized ไปยังลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

                  [/col]
                  marketing automation

                  นอกจากนี้แพลตฟอร์มการตลาดอัตโนมัติยังสามารถสนับสนุนธุรกิจได้อีกหลายด้าน เช่นการรักษาความสัมพันธ์หรือตอบคำถามลูกค้าผ่านฟีเจอร์ Chatbot หรือ CRM ก็ตาม หวังว่าคำตอบที่ Connect X ได้นำมาตอบคำถามในบทความนี้ จะสามารถไขข้อสงสัยของเจ้าของแบรนด์ได้ และเป็นส่วนช่วยในการพิจารณาก่อนตัดสินใจนำระบบ MA มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ส่วนเจ้าของธุรกิจที่สนใจอยากนำเครื่องมือการตลาดอัตโนมัติเข้ามาใช้กับธุรกิจ

                  [/row]

                  Connect X เป็นระบบ Customer Data Platform (CPD) ที่มาพร้อมกับ MA ที่สามารถวิเคราะห์ได้ลึกถึง Insight แบ่งกลุ่ม Audience Segment ชัดเจนเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และสร้างแคมเปญการตลาดพร้อมส่งไปยังลูกค้าที่ใช่ในทุกช่องทาง สร้างความประทับใจและประสบการณ์การใช้งานที่ลูกค้าต้องติดใจอย่างแน่นอน เริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้แล้ววันนี้ด้วย Connect X Platform ที่มาพร้อม CDP & Marketing Automation Connect X คือ Platform ที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้ธุรกิจถูก Digital Disruption ถึงเวลาแล้วที่ทุกธุรกิจจะต้องเริ่ม Connect กับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) แบบไร้รอยต่อด้วย Platform ทางการตลาดที่ไม่เพียงแต่มี Feature เด็ดๆ แต่ยังสามารถปรับแต่ง Platform Customize ให้เข้ากับแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันได้ด้วย

                  Connect X เข้าใจนักการตลาดทุกคนว่าการเลือก Platform มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

                  *รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation พร้อมแนะนำ Marketing Technology (Martech) และ CDP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ